backup og meta

กามโรค คือกลุ่มโรคอะไรบ้าง รักษาและป้องกันอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์ · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 05/02/2023

    กามโรค คือกลุ่มโรคอะไรบ้าง รักษาและป้องกันอย่างไร

    กามโรค คือ กลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดได้กับทั้งผู้ชายและผู้หญิง ติดต่อผ่านการร่วมเพศ ไม่ว่าทางอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือปาก โรคที่จัดเป็นกามโรค เช่น หนองใน  หนองในเทียม ซิฟิลิส พยาธิในช่องคลอด โดยทั่วไป อาการของกามโรค คือ มีของเหลวหรือสารคัดหลั่งที่มีลักษณะผิดปกติไหลออกมาจากอวัยวะเพศ อวัยวะเพศแสบขัดเมื่อปัสสาวะ หรืออวัยวะเพศมีอาการคัน ทั้งนี้ กามโรคอาจป้องกันได้โดยสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์แบบสอดใส่ และเลือกมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนเพียงคนเดียวหรือคู่นอนที่มั่นใจว่าปลอดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

    กามโรค คืออะไร

    กามโรค เป็นอีกชื่อเรียกหนึ่งของกลุ่มโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (Sexually Transmitted Diseases) โดยเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส แบคทีเรีย ซึ่งแพร่กระจายหรือติดต่อผ่านการมีเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นทางอวัยวะเพศ ปาก หรือทวารหนัก กามโรคบางชนิดอาจติดต่อกันได้ผ่านการกอดหรือจูบ โดยเฉพาะหากร่างกายมีบาดแผล

    กามโรคที่พบได้บ่อย ประกอบด้วยโรคต่าง ๆ ดังนี้

  • หนองในแท้ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียไนซีเรีย โกโนเรียอี (Neisseria Gonorrhoeae) เมื่อเป็นโรคหนองใน ผู้ป่วยชายจะรู้สึกแสบขัดขณะปัสสาวะและมักมีหนองไหลออกจากอวัยวะเพศหรือทวารหนัก ในเพศหญิงมักมีตกขาวมากผิดปกติหรือตกขาวมีกลิ่นเหม็น หรือพบเลือดออกทางช่องคลอดก่อนมีรอบเดือน ทั้งนี้ ผู้ป่วยหนองในร้อยละ 10 มักไม่มีอาการ และหากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจเพิ่มความเสี่ยงให้เชื้อโรคลุกลามและเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น ท่ออสุจิตีบตัน เป็นหมัน มีผื่นขึ้นตามลำตัว
  • คลามัยเดีย หรือหนองในเทียม เกิดจากเชื้อแบคทีเรียคลามัยเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia Trachomatis) ที่สามารถแพร่กระจายผ่านสารคัดหลั่งจากอวัยวะเพศและทวารหนักระหว่างมีเพศสัมพันธ์ อาการโดยทั่วไปของหนองในเทียมมักคล้ายกับอาการของโรคหนองในแท้ ได้แก่ รู้สึกแสบขัดเมื่อปัสสาวะ และมีสารคัดหลั่งที่มีลักษณะผิดปกติไหลออกจากองคชาต ช่องคลอด หรือทวารหนัก
  • เอดส์ (AIDS) หรือโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เป็นอาการในระยะสุดท้ายของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) โดยผู้ป่วยจะมีระดับเม็ดเลือดขาว CD4 (Cluster of Differentiation 4) ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมและต่อสู้กับเชื้อโรคต่าง ๆ ในปริมาณที่ต่ำกว่าปกติ ทำให้ติดเชื้อหรือป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ได้ง่ายกว่าคนทั่วไป ทั้งนี้ อาการในระยะแรก ๆ หลังจากติดเชื้อเอชไอวีมักคล้ายกับอาการของโรคหวัด ได้แก่ มีไข้ ปวดหัว เจ็บคอ ทำให้ผู้ติดเชื้อบางรายอาจไม่รู้ตัวหรือสงสัยว่าตัวเองติดเชื้อเอชไอวี และไม่ไปพบคุณหมอตั้งแต่แรก ๆ กระทั่งติดเชื้อจนอาการรุนแรงขึ้นและเข้าสู่ระยะของโรคเอดส์ในที่สุด
  • ซิฟิลิส เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียทรีโพนีมา แพลลิดัม (Treponema Pallidum) ซึ่งสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านทางรอยขีดข่วน หรือบาดแผลเล็ก ๆ อย่างแผลฉีกขาดที่ทวารหนักได้ อาการของซิฟิลิส คือ มีแผลริมแข็งและผื่นขึ้นตามลำตัว หากปล่อยโรคซิฟิลิสไว้นานโดยไม่รักษา เชื้อสามารถแพร่กระจายไปตามอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกายและอาจเข้าไปทำลายหัวใจและหลอดเลือด ทำให้การทำงานของหัวใจเสื่อม หรือล้มเหลวได้ในที่สุด รวมทั้งอาจแพร่กระจายไปยังระบบประสาท ก่อให้เกิดโรคซิฟิลิสของระบบประสาท (Neurosyphilis) ส่งผลให้แขนขา-อ่อนแรง ม่านตาอักเสบ กลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ สูญเสียการได้ยิน หรือสมองเสื่อมได้
  • พยาธิในช่องคลอด เกิดจากการติดเชื้อจากปรสิตที่ชื่อ ทริโคโมแนต วาจินาลิส (Trichomonas Vaginalis) ซึ่งแพร่กระจายระหว่างมีเพศสัมพันธ์ หรือผ่านการใช้เซ็กส์ทอยร่วมกันกับผู้ที่มีเชื้อ อาจเกิดอาการคันบริเวณช่องคลอด ช่องคลอดมีกลิ่นเหม็น ช่องคลอดแสบขัดขณะปัสสาวะหรือระหว่างมีเพศสัมพันธ์ ปากมดลูกบวมแดง ตกขาวกลายเป็นสีเขียว เหลือง หรือเทาและมีกลิ่นเหม็น
  • หูดหงอนไก่ มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมน แพพพิลโลมา (Human Papilloma virus หรือ HPV) ก่อให้เกิดติ่งเนื้อสีชมพูหรือน้ำตาล คล้ายดอกกะหล่ำ ขึ้นเป็นกลุ่มก้อนบริเวณอวัยวะเพศ และมักมีอาการคันหรือไม่สบายตัวร่วมด้วย ทั้งนี้ เชื้อไวรัส HPV นอกจากเป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่แล้ว ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงให้เกิดมะเร็งทวารหนักได้ด้วย
  • เริม เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์ปีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus หรือ HSV) ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ การจูบ รวมทั้งการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ติดเชื้อ อาการของโรคเริม คือ มีตุ่มใสขึ้นตามผิวหนังบริเวณที่ติดเชื้อและรู้สึกแสบร้อน เช่น อวัยวะเพศ ปาก ทวารหนัก หากเป็นเริมอาจหายเองได้ แต่ก็อาจกลับมาเป็นซ้ำอีกอย่างไรก็ตาม ความถี่ของการเป็นซ้ำอาจลดลงเรื่อย ๆ และมีอาการของโรครุนแรงน้อยกว่าครั้งก่อน ๆ
  • แผลริมอ่อน เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลุส ดูเครย์ (Haemophilus Ducreyi) ทำให้มีตุ่มนูนขนาดเล็ก ขอบแผลนิ่มอ่อน ขึ้นบริเวณอวัยวะเพศหรือถุงอัณฑะ แล้วขยายใหญ่กลายเป็นแผลมีหนอง ทำให้ผู้ป่วยมักรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะหากสัมผัสถูกแผล ทั้งนี้ แผลริมอ่อนสามารถติดต่อกันได้จากการสัมผัสบาดแผลหรือหนองจากแผล
  • โลน เกิดจากตัวโลนกัด โดยแมลงชนิดนี้มักอาศัยอยู่ตามเส้นขนของมนุษย์ โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะเพศ มักมีอาการคันตามผิวหนัง และผิวหนังอักเสบหรือระคายเคือง เป็นโรคที่ติดต่อกันได้จากการมีเพศสัมพันธ์ แต่บางครั้งอาจไม่ถูกจัดเป็นกามโรค
  • กามโรคป้องกันได้อย่างไรบ้าง

    การป้องกันกามโรคทำได้หลายวิธี โดยอาจปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

    • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ทั้งแบบสอดใส่และทางปาก
    • เลือกมีคู่นอนเพียงคนเดียว หรือมีเพศสัมพันธ์เฉพาะกับคนที่มั่นใจว่าปลอดภัยจากกามโรคเท่านั้น เพื่อลดโอกาสในการติดเชื้อ
    • ฉีดวัคซีนป้องกันไวรัส HPV ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่
    • ทำความสะอาดเซ็กส์ทอยทุกครั้งทั้งก่อนและหลังใช้งาน
    • เลือกใช้เซ็กส์ทอยร่วมกับคู่นอนเพียงคนเดียว หากมีคู่นอนหลายคน ไม่ควรใช้ปะปนกัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อ หรือใช้ถุงยางอนามัยหุ้มเซ็กส์ทอยก่อนใช้งา
    • เข้ารับการตรวจภายใน การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก และการตรวจหาเชื้อไวรัส HPV เป็นประจำ

    ทั้งนี้ ควรหมั่นสังเกตอาการของตนเอง หากสงสัยว่าตนเองอาจติดเชื้อกามโรค ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการตรวจและวินิจฉัยเพื่อจะได้รักษาได้ตรงจุดและอย่างทันท่วงที หากปล่อยทิ้งไว้นาน โรคบางชนิดอาจลุกลามและก่อให้เกิดผลเสียต่อสุขภาพและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 05/02/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา