backup og meta

ยาคุมฉุกเฉินกินภายในกี่ชั่วโมง ถึงปลอดภัย ช่วยคุมกำเนิดได้จริง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 26/06/2023

    ยาคุมฉุกเฉินกินภายในกี่ชั่วโมง ถึงปลอดภัย ช่วยคุมกำเนิดได้จริง

    ยาคุมฉุกเฉินเป็นยาคุมกำเนิดที่ควรใช้เฉพาะช่วงเวลาฉุกเฉินเท่านั้น หากรับประทานยาคุมฉุกเฉินบ่อย ๆ อาจเสี่ยงต่ออันตรายได้ อีกทั้งหากใช้อย่างไม่ถูกต้องอาจส่งผลให้ยาคุมมีประสิทธิภาพลดลงได้ ดังนั้น จึงควรศึกษาว่า ยาคุมฉุกเฉินกินภายในกี่ชั่วโมง ถึงจะปลอดภัย มีประสิทธิภาพสูงสุด

    ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน คืออะไร

    ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน หรือยาคุมกำเนิดชนิดเม็ดแบบฉุกเฉิน (Emergency Contraception Pill) มักจะเป็นยาคุมกำเนิดฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยว มีเฉพาะฮอร์โมนโพรเจสติน ส่วนประกอบสำคัญ ได้แก่ ตัวยาสำคัญ Levonorgestrel เป็นสารสังเคราะห์เลียนแบบฮอร์โมนโพรเจสเตอโรน มี 2 ขนาด คือ 0.75 มิลลิกรัมต่อเม็ด และ 1.5 มิลลิกรัมต่อเม็ด ออกฤทธิ์ในการรบกวนหรือชะลอการตกไข่ จึงช่วยลดโอกาสการตั้งครรภ์ได้

    ยาคุมฉุกเฉินกินภายในกี่ชั่วโมง

    • ยาคุมฉุกเฉิน ขนาด 0.75 มิลลิกรัม ควรรับประทานให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ อย่างช้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง ส่วนเม็ดที่ 2 ให้ห่างกัน 12 ชั่วโมง การรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง แล้วตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะทำให้ ประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% แต่หากเริ่มรับประทานยาภายใน 24 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ ประสิทธิภาพจะเพิ่มขึ้นเป็น 85%    
    • ยาคุมฉุกเฉิน ขนาด 1.5 มิลลิกรัม ควรรับประทานให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์ อย่างช้าไม่เกิน 72 ชั่วโมง   

    ยาคุมฉุกเฉินควรใช้เฉพาะในยามฉุกเฉิน กรณีจำเป็นที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน หรือเกิดความผิดพลาดจากการคุมกำเนิดด้วยวิธีอื่น เช่น เกิดความผิดพลาดขณะใช้ถุงยางอนามัย เกิดถุงยางแตกหรือถุงยางรั่ว  

    คำแนะนำของการใช้ ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน 

    ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินควรใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น เพราะมีปริมาณฮอร์โมนสูง ไม่ควรรับประทานแทนยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทานสม่ำเสมอ (Oral Contraceptive Pills) เนื่องจากประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ต่ำกว่า และอาจเสี่ยงต่อการเกิดอาการไม่พึงประสงค์ เช่น 

    • ปวดศีรษะ 
    • วิงเวียน 
    • คลื่นไส้ 
    • อ่อนเพลีย 
    • ปวดท้องน้อย 
    • เลือดออกกะปริดกะปรอย
    • พบความผิดปกติของประจำเดือน เช่น ประจำเดือนมายาวนานขึ้น 
    • อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติการณ์การตั้งครรภ์นอกมดลูก

    แม้ว่ายาคุมฉุกเฉินจะมีข้อดีในการรับประทานยาได้เป็นครั้งคราว ไม่ต้องรับประทานทุกวัน จึงสะดวกรวดเร็ว ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพ แต่ไม่อาจใช้ยาคุมฉุกเฉินแทนยาคุมกำเนิด ควรใช้เมื่อจำเป็นเท่านั้นไม่แนะนำให้รับประทานเกิน 2 กล่องต่อเดือน ทั้งรูปแบบบรรจุ 1 เม็ด และ 2 เม็ด   

    กลุ่มไหนไม่ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉิน

    ก่อนรับประทานยาคุมฉุกเฉิน ควรอ่านข้อมูลอย่างละเอียด ซึ่งจะพบกลุ่มที่ไม่ควรรับประทานยาคุมฉุกเฉิน เช่น 

    • ผู้มีโรคหัวใจและหลอดเลือด
    • โรคเกล็ดเลือดสูง
    • โรคไมเกรน
    • โรคตับ
    • กำลังให้นมบุตร
    • ผู้ที่มีภาวะมดลูกบิดเบี้ยวรุนแรง มีภาวะติดเชื้อในอุ้งเชิงกราน ภาวะแพ้ทองแดง หรือสงสัยว่าตั้งครรภ์

    ประจำเดือนหลังรับประทานยาคุมฉุกเฉิน

    เมื่อรับประทานยาคุมฉุกเฉิน มักจะมีประจำเดือนภายในเวลาไม่เกิน 1 สัปดาห์ จากนั้นในรอบถัดไป ประจำเดือนจะมาในช่วงเวลาเดิม แต่บางราย อาจพบประจำเดือนรอบต่อไปมาช้าหรือเร็วขึ้น 

    การใช้ยาคุมฉุกเฉินจึงต้องพิจารณาตามความเหมาะสม อ่านรายละเอียดของฉลากยาให้ครบถ้วน เช่น ยาคุมฉุกเฉินกินภายในกี่ชั่วโมง นอกจากนี้ การใช้ยาคุมฉุกเฉินเป็นทางเลือกในการคุมกำเนิด ไม่ใช่ยาทำแท้ง และไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ หากใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแล้วพบว่า ร่างกายมีอาการผิดปกติ หรือสงสัยภาวะตั้งครรภ์ ควรรีบไปพบแพทย์

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 26/06/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา