backup og meta

อวัยวะเพศชายเป็นแผล เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์ · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 29/01/2024

    อวัยวะเพศชายเป็นแผล เกิดจากสาเหตุอะไรได้บ้าง

    อวัยวะเพศชายเป็นแผล อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น เริมที่อวัยวะเพศ การบาดเจ็บที่อวัยวะเพศ หูดที่อวัยวะเพศ ซึ่งอาการและวิธีการรักษาอาจแตกต่างกันออกไปตามสาเหตุที่ทำให้เกิดแผล ดังนั้น หากสังเกตพบความผิดปกติบริเวณอวัยวะเพศ เช่น มีแผล อาการปวด แสบ เลือดออก อาการบวม ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจหาสาเหตุที่แน่ชัดและทำการรักษาอย่างรวดเร็ว

    อวัยวะเพศชายเป็นแผล เกิดจากอะไร

    การบาดเจ็บที่อวัยวะเพศ

    การบาดเจ็บที่อวัยวะเพศอาจเกิดขึ้นจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น การหกล้ม อุบัติเหตุจากการเล่นกีฬาหรือกิจกรรมผาดโผน การบาดเจ็บจากการมีเพศสัมพันธ์ อุบัติเหตุจากการทำงาน ทำให้อาจเกิดบาดแผลในบริเวณอวัยวะเพศชาย รวมถึงอาการอื่น ๆ เช่น อาการอักเสบ บวม รอยช้ำ มีเลือดออก นอกจากนี้ ยังอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้ 

    การรักษาอาการบาดเจ็บที่อวัยวะเพศที่ไม่รุนแรง อาจเพียงแค่ทำความสะอาดบาดแผลด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำเกลือ แล้วปิดแผลด้วยผ้าก็อซหรือผ้าพันแผลเพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าทางบาดแผล แต่หากเป็นบาดแผลที่รุนแรง ควรเข้ารับการรักษาจากคุณหมออย่างเร่งด่วน  

    เริมที่อวัยวะเพศ

    เริม เกิดจากการติดเชื้อไวรัสเฮอร์พีส์ ซิมเพล็กซ์ (Herpes Simplex Virus) ที่อาจแพร่กระจายสู่ผู้อื่นผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน อาการทั่วไปของเริมที่อวัยวะเพศคือ ตุ่มเล็ก ๆ เป็นกลุ่มของตุ่มน้ำใส  สีขาวหรือสีแดง แผลเปิด มีหนองหรือเลือดไหล อาการปวดหรือคันในบริเวณที่มีอาการ ผิวหนังตกสะเก็ด 

    เริมไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่คุณหมออาจให้รับประทานยาต้านไวรัส เช่น อะไซโคลเวียร์ (Acyclovir) วาลาไซโคลเวียร์ (Valacyclovir) เพื่อช่วยลดความรุนแรงของอาการ ช่วยให้แผลหายไวขึ้น และอาจช่วยลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำ

    หูดหงอนไก่

    หูดหงอนไก่เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสฮิวแมนแพพพิลโลมา หรือไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus หรือ HPV) ทำให้มีติ่งเนื้องอกเกิดขึ้นในบริเวณที่ติดเชื้อ ผิวย่นคล้ายหงอนไก่ นอกจากนี้ บางรายก็อาจมีแผล อาการปวด อาการคัน หรือมีเลือดออกร่วมด้วย

    โรคหูดหงอนไก่ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ โดยปกติคุณหมออาจทำการรักษาโดยการใช้ยาทาเฉพาะที่ เช่น ยาอิมิควิโมด (Imiquimod) เพื่อช่วยเสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับเชื้อไวรัส ยาโพโดฟิลลิน (Podophyllin) กรดทีซีเอ (Trichloracetic acid) เพื่อทำลายเนื้อเยื่อของหูด หรืออาจทำการผ่าตัดเอาติ่งเนื้อหูดออก ใช้เลเซอร์หรือไฟฟ้าความแรงสูงจี้กำจัดติ่งเนื้อ หรือแช่แข็งติ่งเนื้อด้วยไนโตรเจนเหลว 

    ซิฟิลิส (Syphilis)

    ซิฟิลิสเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยอาการในช่วงแรกที่อาจปรากฏ คือ อาการแผลริมแข็ง (Chancre) ที่เกิดขึ้นในบริเวณที่เชื้อแบคทีเรียเข้าสู่ร่างกาย มักเกิดขึ้นหลังจากที่ร่างกายได้รับเชื้อไปแล้วประมาณ 3 สัปดาห์ จากนั้นแผลริมแข็งจะหายไป แล้วอาจเริ่มมีอาการผื่นที่สามารถลุกลามไปยังส่วนอื่น ๆ ได้ จากนั้นจะเข้าสู่ระยะซิฟิลิสแฝงที่มักจะไม่เกิดอาการใด ๆ นานหลายปี และหลังจากนั้นก็จะเข้าสู่ระยะสุดท้ายที่ซิฟิลิสลุกลามไปทั่วร่างกายและทำลายอวัยวะภายในร่างกาย เช่น ระบบประสาท สมอง หัวใจ ดวงตา หลอดเลือด กระดูก 

    การรักษาโรคซิฟิลิสอาจทำได้โดยการใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ยาเพนนิซิลิน (Penicillin) เพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย หากอยู่ในช่วงระยะแรกอาจใช้ยาปฏิชีวนะเพียงแค่ครั้งเดียว แต่หากติดเชื้อนานกว่า 1 ปีขึ้นไป ก็อาจต้องได้รับยาหลายครั้ง

    โรคแผลริมอ่อน (Chancroid)

    โรคแผลริมอ่อนเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลุสดูเครย์ (Haemophilus Ducreyi) จากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ทำให้เกิดตุ่มแดงขึ้นในบริเวณอวัยวะเพศที่จะกลายเป็นแผลเปิดเมื่อมีการเสียดสี ร่วมกับอาการปวดอย่างรุนแรง 

    คุณหมอจะทำการรักษาโรคแผลริมอ่อนโดยใช้ยาปฏิชีวนะเพื่อช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย โดยปกติมักจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ ในระหว่างการรักษาควรดูแลรักษาความสะอาดในบริเวณอวัยวะเพศ หลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าที่รัดแน่น และหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์จนกว่าการรักษาจะเสร็จสิ้น

    แผลกามโรคเรื้อรังที่ขาหนีบ (Granuloma Inguinale)

    แผลกามโรคเรื้อรังที่ขาหนีบ เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียเคล็บซีเอลลา แกรนูโลเมทิส (Klebsiella Granulomatis) ที่ทำให้เกิดตุ่มหรือก้อนใต้ผิวหนัง จากนั้นก็จะกลายเป็นแผลเปิด พบได้บ่อยในบริเวณองคชาตและทวารหนัก

    การรักษาอาจทำได้โดยการใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ยาอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) 1 กรัม/สัปดาห์ เป็นเวลา 3 สัปดาห์ขึ้นไป จนกว่าแผลจะหายดี

    ฝีมะม่วง (Lymphogranuloma Venereum)

    ฝีมะม่วงเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียคลาไมเดีย ทราโคมาติส (Chlamydia trachomatis) ทำให้เกิดฝีตุ่มนูนเป็นก้อนที่อาจลุกลามกลายเป็นแผลในบริเวณอวัยวะเพศ ต่อมน้ำเหลืองในบริเวณขาหนีบบวม ท้องผูก ขับถ่ายลำบาก และอาจมีอุจจาระปนเลือดหรือหนอง สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ เช่น ด็อกซีไซคลิน (Doxycycline) อิริโทรมัยซิน (Erythromycin) เพื่อช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรีย

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอรกนิษฐา อรุณาทิตย์

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 29/01/2024

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา