backup og meta

โรคแผลริมอ่อน อาการ การรักษา และการป้องกัน

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 31/10/2022

    โรคแผลริมอ่อน อาการ การรักษา และการป้องกัน

    โรคแผลริมอ่อน เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ (Haemophilus ducreyi) ที่ส่งผลให้เกิดแผลพุพองและตุ่มหนองบริเวณอวัยวะเพศ สามารถพบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย และอาจแพร่กระจายสู่ผู้อื่นได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกันและผ่านทางเลือด ดังนั้น หากพบว่ามีอาการของโรคแผลริมอ่อนควรเข้าพบคุณหมอทันทีเพื่อรับการรักษา และป้องกันการแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่น

    โรคแผลริมอ่อน คืออะไร

    โรคแผลริมอ่อน คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ ที่สามารถแพร่กระจายผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์กับผู้ติดเชื้อโดยไม่ป้องกัน และอาจแพร่กระจายผ่านทางเลือด รวมถึงการสัมผัสทางผิวหนังในบริเวณที่มีบาดแผลหรือหนองจากแผลริมอ่อนและนำมือไปสัมผัสดวงตา ปาก หรือร่างกายของผู้อื่น

    อาการของโรคแผลริมอ่อน

    หลังจากร่างกายได้รับเชื้อแบคทีเรียฮีโมฟิลัส ดูเครย์ ภายใน 1-2 สัปดาห์ อาจเริ่มปรากฏอาการต่าง ๆ ดังนี้

    • ตุ่มขนาดเล็กบริเวณอวัยวะเพศ หนังหุ้มปลาย องคชาต ถุงอัณฑะ ปากช่องคลอด ทวารหนัก และขาหนีบ ที่อาจมีขนาดประมาณ 1-2 นิ้ว
    • แผลพุพอง เป็นหนอง
    • อาการเจ็บปวดบริเวณต่อมน้ำเหลืองที่ขาหนีบ

    วิธีรักษาโรคแผลริมอ่อน

    วิธีรักษาโรคแผลริมอ่อน มีดังนี้

    ยาปฏิชีวนะ

    ใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการบวมของต่อมน้ำเหลือง อาการอักเสบของแผล และอาจช่วยให้แผลริมอ่อนหายไวขึ้น ซึ่งมีทั้งยาปฏิชีวนะในรูปแบบรับประทานและแบบฉีดเข้ากล้ามเนื้อ โดยอาจใช้ดังต่อไปนี้

  • ยาเซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone) ขนาด 250 มิลลิกรัม ในรูปแบบฉีดกล้ามเนื้อ 1 ครั้ง ในปริมาณ 1 โดส
  • ยาอะซิโธรมัยซิน (Azithromycin) ในปริมาณ 1 กรัม ควรรับประทาน 1 ครั้ง หรือตามดุลพินิจของคุณหมอ
  • ยาอิริโทรมัยซิน (Erythromycin) ขนาด 500 มิลลิกรัม 3 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 7 วัน ติดต่อกัน
  • ยาซิโปรฟลอกซาซิน (Ciprofloxacin) ขนาด 500 มิลลิกรัม 2 ครั้ง/วัน เป็นเวลา 3 วัน สำหรับสตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงระหว่างให้นมบุตร ไม่ควรใช้ยาชนิดนี้ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพทารกในครรภ์
  • นอกจากนี้ ควรเข้ารับการตรวจอีกครั้งหลังจากเริ่มการรักษาได้ประมาณ 3-7 วัน เพื่อประเมินอาการและตรวจสอบว่ามีการตอบสนองต่อยารักษาหรือไม่ สำหรับผู้ที่ไม่มีการตอบสนองต่อการรักษา คุณหมออาจจำเป็นต้องใช้เข็มเจาะแผล หรือกรีดตุ่มหนองเพื่อระบายของเหลวออก และควรเข้ารับการตรวจทุก ๆ 3-6 เดือน เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อซ้ำ

    ในระหว่างการรักษาโรคแผลริมอ่อน ควรรักษาความสะอาดรอบ ๆ แผล และเช็ดแผลให้แห้งหลังจากขับถ่าย อีกทั้งยังควรหลีกเลี่ยงการสวมเสื้อผ้าและกางเกงชั้นในที่รัดรูป เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคืองในบริเวณที่เป็นแผลริมอ่อน

    การป้องกันโรคแผลริมอ่อน

    การป้องกันโรคแผลริมอ่อน อาจทำได้ดังนี้

  • หลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน ควรสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งระหว่างที่มีเพศสัมพันธ์ เพื่อลดโอกาสการติดเชื้อผ่านทางการมีเพศสัมพันธ์
  • หลีกเลี่ยงการเปลี่ยนคู่นอนบ่อย เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ
  • งดการมีเพศสัมพันธ์กับคู่นอนที่มีแผลเปิดในบริเวณอวัยวะเพศหรือขาหนีบ
  • งดการมีเพศสัมพันธ์หากมีแผลบริเวณขาหนีบและอวัยวะเพศ ควรรอจนกว่าแผลจะหายสนิท เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
  • เข้ารับการตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เป็นประจำทุกปี
  • หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 31/10/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา