backup og meta

วิธีรักษารอยดำจากสิว เร็วที่สุด ทำอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย · โรคผิวหนัง · พรเกษมคลินิก


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 30/04/2022

    วิธีรักษารอยดำจากสิว เร็วที่สุด ทำอย่างไร

    รอยดำจากสิว อาจเกิดขึ้นการอักเสบและการระคายเคืองที่ส่งผลให้ผิวหนังชั้นในเสียหายและทำให้ผิวไม่เรียบเนียน เป็นรอยด่างดำ วิธีรักษารอยดำจากสิว เร็วที่สุด อาจทำได้โดยการเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับรักษารอยดำจากสิว หรือการเลเซอร์ ที่ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิว นอกจากนี้ ควรศึกษาวิธีดูแลผิวหน้าอย่างถูกต้องร่วมด้วย เพื่อป้องกันการเกิดสิวอักเสบที่อาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดรอยดำ

    สาเหตุที่ทำให้เกิดรอยดำจากสิว

    สาเหตุที่ทำให้เกิดรอยดำจากสิว คือ สิวอักเสบ และพฤติกรรมการบีบสิว เพราะอาจส่งผลให้ผิวระคายเคือง ผิวหนังชั้นในเสียหาย และทำให้เกิดการอักเสบมากกว่าเดิม จนร่างกายผลิตเซลล์เม็ดสีเมลานินในบริเวณที่มีการอักเสบของสิวเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผิวบริเวณนั้นเปลี่ยนเป็นสีเข้มและปรากฏเป็นรอยดำทิ้งไว้หลังจากสิวหาย

    นอกจากนี้ การเผชิญกับแสงแดดเป็นเวลานาน และการรักษาสิวด้วยวิธีที่อาจทำให้ผิวระคายเคือง เช่น การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี การกรอผิว ก็อาจส่งผลให้รอยดำจากสิวมีสีเข้มขึ้นมากกว่าเดิมได้

    วิธีรักษารอยดำจากสิว เร็วที่สุด มีอะไรบ้าง

    วิธีรักษารอยดำจากสิว โดยเร็วที่สุด มีดังนี้

    • เลเซอร์ อาจช่วยผลัดเซลล์ผิวชั้นบนสุด และกระตุ้นการผลิตเซลล์ผิวใหม่ ทำให้รอยดำอาจดูจางลง เหมาะสำหรับรอยดำจากสิวที่ไม่รุนแรง
    • ยารักษาสิว คุณหมออาจแนะนำผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของกรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha hydroxy acids) ไฮโดรควิโนน (Hydroquinone) 1-2% กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) เรตินอยด์ (Retinoids) กรดแลคติก (Lactic acid) กรดโคจิก (Kojic acid) วิตามินซี เพื่อช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดรอยดำจากสิว อีกทั้งยังอาจช่วยลดการอักเสบของสิว และป้องกันการเกิดสิวใหม่ได้
    • การฉีดสเตียรอยด์ หรือการฉีดสิว ช่วยลดการอักเสบของสิวแบบรวดเร็ว ทำให้โอกาสเกิดรอยดำน้อยลง และยังใช้รักษา รอยแผลเป็นแบบนูนค่อย ๆ ยุบตัวลงแต่อาจจำเป็นต้องเข้ารับการฉีดซ้ำหลายครั้ง
    • การกรอผิว คุณหมอจะใช้แปรงหมุนขัดเอาผิวหนังชั้นนอกออก เพื่อเป็นการกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ โดยอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น ผิวแดงบวม การเปลี่ยนแปลงของสีผิว

    การดูแลผิวหน้าเพื่อป้องกันสิวและรอยดำ

    การดูแลผิวหน้าเพื่อป้องกันสิวอักเสบและรอยดำ อาจทำได้ดังนี้

    • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผลไม้ ผัก ธัญพืช และควรหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูป อาหารที่มีไขมันสูง คาร์โบไฮเดรตสูง และน้ำตาลสูง เพราะกระตุ้นการผลิตน้ำมันบนใบหน้า และเสี่ยงต่อการเกิดสิว
    • ล้างหน้าให้สะอาด อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง โดยใช้น้ำที่อุณหภูมิปกติและผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตรอ่อนโยนที่เหมาะกับสภาพผิว เพื่อขจัดเซลล์ผิวเก่า สิ่งสกปรก และน้ำมันส่วนเกิน หลังล้างหน้าควรซับหน้าด้วยทิชชูหรือผ้าขนหนูเพียงครั้งเดียว ไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำ เพราะอาจเกิดการสะสมของแบคทีเรีย
    • ทำความสะอาด ผ้าขนหนู ปลอกหมอน ผ้าห่ม เพราะอาจสะสมสิ่งสกปรกก่อให้เกิดสิวได้
    • หลีกเลี่ยงการบีบหรือแกะสิวเพราะอาจทำให้สิวอักเสบ และควรหลีกเลี่ยงการนำมือมาสัมผัสใบหน้า เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกอุดตันในรูขุมขน
    • เลือกผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า “Non-comedogenic” เพราะเป็นผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมที่ทำให้รูขุมขนอุดตัน หรือไม่ก่อให้เกิดสิว
    • ทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ก่อนออกแดดอย่างน้อย 20 นาที หรือสวมหมวกปีกกว้าง หากเป็นไปได้ควรงดออกจากบ้านเวลา 10.00-16.00 น. เพราะเป็นช่วงที่แดดจัด
    • หลีกเลี่ยงการขัดผิวอย่างรุนแรง เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองจนเสี่ยงเกิดสิวอักเสบ
    • ไม่แต่งหน้า หรือหากแต่งหน้าควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนประกอบของน้ำมัน หรือรองพื้น เพื่อลดการอุดตันที่ก่อให้เกิดสิว ก่อนนอนควรเช็ดเครื่องสำอางออกให้หมด และล้างหน้าให้สะอาด ไม่นอนทั้งที่แต่งหน้า
    • ใช้ยารักษาสิวและยาลดรอยสิวตามที่คุณหมอแนะนำ เนื่องจากสภาพผิวหน้าของแต่ละบุคคลแตกต่างกัน จึงควรให้คุณหมอด้านผิวหนังตรวจสภาพผิวหน้า เพื่อหาวิธีรักษารอยดำจากสิวให้เหมาะสม

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย

    โรคผิวหนัง · พรเกษมคลินิก


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 30/04/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา