backup og meta

3 โรคทางเดินอาหาร ยอดฮิต ที่พบได้บ่อยในหน้าฝน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 28/08/2020

    3 โรคทางเดินอาหาร ยอดฮิต ที่พบได้บ่อยในหน้าฝน

    ฤดูฝนคือฤดูกาลแห่งความชุ่มชื้น ทุกสรรพสิ่งล้วนเจริญเติบโต ไม่ใช่แค่พืชพรรณ แต่ยังรวมไปถึงเหล่าแบคทีเรียด้วย แบคทีเรียคือสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กมาก มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น และเป็นต้นเหตุของโรคต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะ โรคทางเดินอาหาร เรามาทำความรู้จักกับโรคทางเดินอาหารในหน้าฝนให้มากขึ้นกับบทความนี้ของ Hello คุณหมอ กันค่ะ

    โรคทางเดินอาหาร ที่มาพร้อมกับหน้าฝน

    โรคทางเดินอาหาร หรือโรคในระบบทางเดินอาหาร (Gastrointestinal Disorders) คือ โรคที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่ผิดปกติของระบบลำไส้ เนื่องจากได้รับเชื้อแบคทีเรีย ผู้ป่วยที่รับเชื้อแบคทีเรียเหล่านั้นเข้าไปอาจเกิดอาการท้องเสีย เป็นโรคลำไส้อักเสบ ภาวะอาหารเป็นพิษ หรือเป็นไข้ไทฟอยด์ได้  ซึ่งแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคทางเดินอาหารเหล่านี้เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศชื้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน และสามารถก่อให้เกิดโรคต่างๆ ได้ ดังนี้

    1. โรคบิด (Dysentery)

    โรคบิดเป็นโรคท้องร่วงชนิดหนึ่งที่เกิดจากจุลชีพ 2 ชนิด คือ อะมีบา (Amoeba) ที่ทำให้เกิดโรคบิดชนิดมีตัว และเชื้อแบคทีเรียชิเกลลา (Shigella) ที่ทำให้เกิดโรคบิดแบบไม่มีตัว โดยจุลชีพทั้งสองชนิดนี้จะเข้าสู่ร่างกายผ่านการรับประทานอาหารและการดื่มน้ำที่ปนเปื้อนจุลชีพพวกนี้มา

    อาการของโรคบิด

    โรคบิด ทำให้กลไกการทำงานของลำไส้ผิดปกติ ส่งผลให้ผนังลำไส้ดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี ทำให้มีน้ำหรืออาหารเหลวในลำไส้มาก ร่างกายจึงขับสิ่งแปลกปลอมจำนวนมากนี้ออกมาในรูปแบบของอาการท้องร่วง ผู้ป่วยโรคบิดจะมีอาการปวดท้อง ถ่ายเป็นเลือด มีความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ อยากจะถ่ายท้องตลอดเวลา มีไข้ และอ่อนเพลีย

    วิธีสังเกตว่าเป็นโรคบิดมีตัวหรือไม่มีตัว

    แม้อาการของโรคบิดมีตัวกับโรคบิดไม่มีตัวจะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ผู้ป่วยก็สามารถสังเกตอาการเบื้องต้นได้ ดังนี้

  • โรคบิดมีตัว ถ่ายเป็นเลือด ปวดท้อง มีความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ อยากถ่ายท้องตลอดเวลา คนไข้จะไม่อ่อนเพลียมากนัก อาจมีไข้เล็กน้อย แต่ไม่รู้สึกว่ามีไข้ อุจจาระของคนที่เป็นบิดมีตัวจะมีอุจจาระเหม็น และมีสีดำแดง
  • โรคบิดไม่มีตัว อุจจาระจะมีฟอง มีเลือด มีกลิ่นเหม็นน้อยกว่า และมีสีแดงมากกว่าอุจจาระของผู้ป่วยที่มีอาการบิดมีตัว คนไข้จะมีอาการปวดขัด ปวดเบ่ง มีความรู้สึกอยากเข้าห้องน้ำ อยากจะถ่ายท้องตลอดเวลา อ่อนเพลีย และมีไข้
  • วิธีรักษาโรคบิด

    การรักษาโรคบิดแบบมีตัว จะใช้ยารักษาทั้งหมด 3 ชนิด ดังนี้

    • เมโทรไนดาโซล (Metronidazole) โดยยานี้อาจมีผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน และมีกลิ่นปาก
    • ออนิดาโซล (Ornidazole)
    • ไทนิดาโซล (Tinidazole)

    การรักษาโรคบิดไม่มีตัว

    • ใช้ยาปฏิชีวนะ จำพวกแอมพิซิลลิน (Ampicillin) หรือใช้ยาโค-ไตรมอกซาโซล (Co-Trimoxazole)

    2. ไข้ไทฟอยด์ (Typhoid fever หรือ Enteric fever)

    ไข้ไทฟอยด์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่ชื่อ Salmonella Typhi ซึ่งมนุษย์เรารับแบคทีเรียชนิดนี้เข้าสู่ร่างกายจากการกินอาหารที่มีเชื้อแบคทีเรียนี้ปะปนมา หลังจากที่เชื้อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ก็จะส่งผลต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร และแพร่กระจายไปยังอวัยวะต่างๆ ที่สำคัญของร่างกาย และทำให้อวัยวะที่สำคัญเหล่านั้นทำงานผิดปกติ

    อาการของไข้ไทฟอยด์

    • มีไข้สูงแบบเรื้อรัง
    • ครั่นเนื้อครั่นตัว
    • ปวดศีรษะ
    • เวียนศีรษะ
    • อ่อนเพลีย
    • คลื่นไส้ อาเจียน
    • ไม่มีน้ำมูก
    • ไอแห้ง
    • ในผู้ใหญ่จะพบอาการท้องผูก ส่วนในเด็กจะพบว่ามีอาการถ่ายเหลว
    • ปวดท้องคล้ายอาการไส้ติ่งอักเสบ หรือถุงน้ำดีอักเสบ บางรายมีอาการท้องอืด และเมื่อกดที่ท้องจะมีอาการเจ็บเล็กน้อย
    • มีอาการหนาวสะท้านเป็นพักๆ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการเพ้อด้วย
    • เบื่ออาหาร

    วิธีรักษาโรคไทฟอยด์

    • ดื่มน้ำสะอาดมากๆ
    • กินอาหารอ่อน และกินวิตามินบำรุงหากผู้ป่วยไม่สามารถทานอาหารได้
    • ใช้ยาปฏิชีวนะโคไตรม็อกซาโซล ไตรเมโทพริม (Trimethoprim) คลอแรมเฟนิคอ (Chloramphenic) อะม็อกซีซิลลิน (Amoxicillin)
    • สำหรับผู้ป่วยรายที่อาจมีอาการดื้อยา แพทย์อาจให้ยาปฏิชีวนะกลุ่มฟลูออโรควิโนโลน เช่น ไซโพรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin) หรือเซฟทริอะโซน (Ceftriaxone)
    • หากอาการไม่ดีขึ้นในช่วง 4-7 วัน ควรนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที

    3. โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน (Acute diarrhea)

    โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน คือ อาการถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำ ในบางรายมีอาการอาเจียน และในบางรายมีอาการไข้ร่วมด้วย โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันเกิดจากหลายสาเหตุ อาจเกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ได้แก่ เชื้ออหิวาตกโรค เชื้อบิด ปรสิตในลำไส้ รวมถึงอาจเกิดจากการเป็นโรคมาลาเรีย หรือโรคหัด ก็สามารถทำให้เกิดอาการอุจจาระร่วงได้เช่นกัน

    อาการของโรคอุจจาระร่วงฉับพลัน

    อาการจะคล้ายกันกับอาการท้องเสีย ต่างกันตรงที่ ผู้ป่วยโรคอุจจาระร่วงฉับพลันจะมีอาการถ่ายเหลวเป็นน้ำติดต่อกัน 3 ครั้งขึ้นไป และมีอาการปวดบิดในท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ในผู้ป่วยบางรายอาจมีการถ่ายเป็นเลือดร่วมด้วย

    วิธีรักษาโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน

    • ดื่มเกลือแร่
    • ในผู้ป่วยบางรายที่มีอาการรุนแรงจนไม่สามารถดื่มน้ำได้ แพทย์จะวินิจฉัยให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ
    • ใช้ยาปฏิชีวนะนอร์ฟลอกซาซิน (Norfloxacin)

    วิธีป้องกัน โรคทางเดินอาหาร

    • ล้างมือให้สะอาดทุกครั้ง โดยเฉพาะก่อนและหลังปรุงอาหาร รวมถึงก่อนและหลังกินอาหาร
    • ดื่มน้ำสะอาด หรือดื่มน้ำต้มสุก
    • กินอาหารที่ปรุงสุก หลีกเลี่ยงการกินอาหารดิบ หรือกึ่งสุกกึ่งดิบ
    • เลี่ยงการใช้อุปกรณ์ที่เป็นแหล่งสะสมความชื้น เช่น ตะเกียบไม้ เขียงไม้ เนื่องจากเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 28/08/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา