backup og meta

หลอดเลือดแดง และโรคหลอดเลือดแดงแข็ง เชื่อมโยงกันอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย นายแพทย์สุรพงษ์ หล่อสมฤดี · สุขภาพ · คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 08/05/2022

    หลอดเลือดแดง และโรคหลอดเลือดแดงแข็ง เชื่อมโยงกันอย่างไร

    หลอดเลือดแดง เป็นหลอดเลือดที่อยู่ทั่วร่างกาย ทำหน้าที่ลำเลียงเลือดไปหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ หากหลอดเลือดแดงมีการสะสมของคราบพลัคจากไขมัน คอเลสเตอรอล แคลเซียม และไฟบริน (Fibrin) ที่เป็นเส้นใยในเลือดมากจนเกินไป ก็อาจทำให้เสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดแข็งได้

    หลอดเลือดแดง คืออะไร

    หลอดเลือดแดง คือ ท่อนำส่งเลือดที่อุดมไปด้วยออกซิเจนจากการทำงานของระบบสูบฉีดเลือดของหัวใจ ไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ โดยหลอดเลือดแดงที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายคือ หลอดเลือดแดงใหญ่เอออร์ตา (Aorta) ที่เชื่อมกับหัวใจด้านซ้าย ซึ่งเป็นหลอดเลือดที่สามารถแตกแขนงเป็นกิ่งก้านออกไปตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย หรือเรียกอีกอย่างได้ว่า เส้นเลือดฝอย

    หลอดเลือดแดงประกอบด้วยเนื้อเยื่อ 3 ชั้น ดังนี้

    1. ทูนิกา อินทิมา (Tunica intima) เป็นผนังหลอดเลือดชั้นในสุดที่ประกอบด้วย เอนโดธีเลียม (Endothelium) หรือเนื้อเยื่อบุโพรงของหลอดเลือด
    2. มีเดีย (Media) เป็นกล้ามเนื้อชั้นกลางในหลอดเลือด ที่ยืดหยุ่นรับความกดดันสูงจากหัวใจ
    3. แอดเวนทีเชีย (Adventitia) เป็นเนื้อเยื่อเกี่ยวพันชั้นนอกที่คอยปกคลุมหลอดเลือด

    โรคหลอดเลือดแดงแข็ง ส่งผลเสียต่อหลอดเลือดแดงอย่างไร

    เนื่องจากหลอดเลือดแดงทำหน้าที่เป็นท่อนำส่งเลือดที่ประกอบด้วยออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย แต่คอเลสเตอรอลและไขมันจากอาหารที่รับประทาน ก็อาจก่อตัวสะสมและกลายเป็นคราบพลัคเกาะอยู่ตามผนังหลอดเลือดแดง ทำให้เซลล์เม็ดเลือดแดง และผนังหลอดเลือดเสียหาย ทางเดินของเลือดแคบลง จนเลือดไหลผ่านไปหล่อเลี้ยงอวัยวะหรือเนื้อเยื่อในร่างกายไม่เพียงพอ อีกทั้งคราบพลัคเหล่านี้ยังอาจแตกตัว ทำให้สารต่าง ๆ แพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด จนเกิดเป็นลิ่มเลือดอุดตัน ขวางทางเดินเลือด และอาจนำไปสู่ภาวะหัวใจวายได้

    อาการของโรคหลอดเลือดแดงแข็ง

    โรคหลอดเลือดแดงแข็งอาจไม่แสดงอาการใด ๆ จนกว่าหลอดเลือดจะตีบตัว หรือถูกปิดกั้นจากคราบพลัค โดยอาการของโรคหลอดเลือดแดงแข็งอาจมีสัญญาณเตือนที่แตกต่างกันออกไปตามบริเวณที่ได้รับผลกระทบ ดังนี้

  • หลอดเลือดหัวใจแข็ง อาจทำให้มีอาการหายใจถี่ รู้สึกเหมือนถูกกดทับบริเวณหน้าอก คอ แขน และกราม รวมถึงหัวใจเต้นผิดปกติ
  • หลอดเลือดบริเวณสมองแข็งตัว ได้แก่ ปวดศีรษะอย่างรุนแรง การมองเห็นของดวงตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้างเปลี่ยนแปลง พูดสื่อสารลำบาก กล้ามเนื้อใบหน้า แขน และขาอ่อนแรง
  • หลอดเลือดแดงส่วนปลายตีบ หลอดเลือดตีบบริเวณที่นำส่งเลือดไปหล่อเลี้ยงแขน ขา และบริเวณกระดูกเชิงกราน อาจส่งผลให้รู้สึกขาชา ปวดขาขณะเคลื่อนไหว
  • หลอดเลือดที่เชื่อมโยงกับไตแข็ง อาจทำให้ความดันโลหิตสูง นำไปสู่ภาวะไตล้มเหลว
  • การรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็ง

    การรักษาโรคหลอดเลือดแดงแข็งขึ้นอยู่กับสาเหตุ และบริเวณที่ผู้ป่วยได้รับผลกระทบ โดยคุณหมออาจกำหนดยารักษาที่เหมาะสม ดังต่อไปนี้

  • ยากลุ่มสแตติน และยารักษาคอเลสเตอรอล เช่น ยาเอเซ็ตทิไมบ์ (Ezetimibe) อะทอร์วาสแททิน (Atorvastatin) โลวาสแตติน (Lovastatin) พราวาสแตติน (Pravastatin) ฟลูวาสแตติน (Fluvastatin) โรซูวาสแตติน (Rosuvastatin) พิทาวาสแตติน (Pitavastatin)
  • ยาแอสไพริน คือยาที่ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดไข้ และชะลอการแข็งตัวของเลือด
  • ยาลดความดันโลหิต เป็นยาที่คุณหมออาจนำมาใช้บรรเทาอาการของภาวะแทรกซ้อนที่เป็นสาเหตุของโรคหลอดเลือดแข็ง
  • หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง คุณหมออาจแนะนำการรักษาโรคหลอดเลือดแข็งด้วยการผ่าตัดบายพาสหลอดเลือดหัวใจ หรือการใส่ขดลวดเพื่อขยายหลอดเลือด เพื่อแก้ไขปัญหาการอุดกั้นของคราบพลัค และอาจช่วยฟื้นฟูประสิทธิภาพการไหลเวียนของเลือดให้ไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้ตามปกติ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    นายแพทย์สุรพงษ์ หล่อสมฤดี

    สุขภาพ · คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 08/05/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา