- ครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งปอดที่อาจถ่ายทอดผ่านทางพันธุกรรม
- การสูบบุหรี่ปริมาณมากและต่อเนื่องเป็นเวลานาน
- การสูดดมควันบุหรี่ หรือสารก่อมะเร็ง เช่น นิกเกิล แร่ใยหิน ก๊าซเรดอน โครเมียม (Chromium)
- การฉายรังสีที่หน้าอกในระหว่างการตรวจหามะเร็งชนิดอื่น
3. มะเร็งตับ อาจเกิดขึ้นเมื่อเซลล์ในตับมีการเปลี่ยนแปลง เจริญเติบโตรวดเร็วจนควบคุมได้ยาก จนนำไปสู่การก่อตัวเป็นเนื้องอก คนส่วนใหญ่อาจไม่แสดงอาการในระยะแรก แต่หากปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจทำให้รู้สึกปวดท้องช่วงบน ท้องบวม เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ผิวหนังและดวงตาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง อุจจาระเป็นสีขาว
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งตับ อาจเกิดจากสภาวะของโรคต่าง ๆ เช่น โรคไขมันพอกตับ โรคเบาหวาน โรคตับแข็ง ภาวะธาตุเหล็กเกิน (Hemochromatosis) โรควิลสัน (Wilson’s disease) รวมถึงการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี (HBV) ไวรัสตับอักเสบซี (HCV) ที่อาจเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งตับได้
4. มะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุมาจากเซลล์บริเวณปากมดลูกเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วส่งผลให้สะสมเป็นก้อนแข็งหรือเนื้องอก และพัฒนาเป็นเซลล์มเร็งที่ทำลายเนื้อเยื่อรอบ ๆ ปากมดลูก ผู้ที่เป็นมะเร็งปากมดลูกในระยะเริ่มต้นอาจไม่แสดงอาการใด ๆ แต่หากปล่อยไว้เป็นเวลานานอาจมีอาการรุนแรงขึ้น โดยสังเกตได้จากสัญญาณต่าง ๆ เช่น เลือดออกทางช่องคลอดหลังมีเพศสัมพันธ์ ระหว่างรอบเดือน หรือช่วงวัยหมดประจำเดือน ตกขาวมีเลือดปนและมีกลิ่นไม่พึงประสงค์ ปวดอุ้งเชิงกรานขณะมีเพศสัมพันธ์
ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งปากมดลูก
- การติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในเทียม โรคหนองในแท้ โรคเอดส์ การติดเชื้อเอชพีวี (HPV) โรคซิฟิลิส
- มีคู่นอนหลายคน อาจทำให้เสี่ยงต่อการได้รับโรคติดต่อจากเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- การสูบบุหรี่
- การใช้ยาป้องกันการแท้งบุตร เช่น ไดเอทิลสติลเบสทรอล (Diethylstilbestrol)
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย