โดยพื้นฐานแล้ว อาการแทรกซ้อนเหล่านี้ ประกอบด้วย
(1) การแข็งตัวของเลือด และการมีเลือดออกภายในหลอดเลือด ซึ่งมีความสัมพันธ์กันระหว่างการลดลงของระดับของสารแอนติธรอมบิน III (antithrombin III/ ATIII) และความรุนแรงของสภาวะทางสุขภาพของผู้ป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีอายุครรภ์ได้ 30-32 สัปดาห์
ความเข้นข้นของเลือด จากการตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดแดงและพลาสมา จะลดลง และมีส่วนที่ทำให้เกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ
(2) อวัยวะทำงานล้มเหลว เช่น ตับและไต ตามด้วยการที่เลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ไม่เพียงพอ โดยในหญิงตั้งครรภ์ที่มีความดันโลหิตสูง ยังมีข้อถกเถียงกันเกี่ยวกับระดับโปรตีนในปัสสาวะ ที่อาจเป็นสาเหตุของการเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษได้
จากการสังเกตการณ์พบว่า ภาวะครรภ์เป็นพิษส่งผลกระทบเป็นพิเศษต่อการทำงานของไต และภาวะนี้จะรุนแรงขึ้นเมื่อเกิดอาการชัก หรือโรคครรภ์เป็นพิษระยะชัก (eclampsia) อันตรายที่รุนแรงที่สุดจะเกิดขึ้นเมื่อมีโรคแทรกซ้อนที่เรียกว่า กลุ่มอาการเฮลป์ซินโดรม (HELLP syndrome) ซึ่งจะเกิดการแตกตัวของเม็ดเลือดแดง (hemolysis) เอนไซม์จากตับสูงขึ้น และภาวะเกล็ดเลือดต่ำ อาการของกลุ่มอาการเฮลป์ซินโดรมนี้ เป็นสาเหตุที่พบมากที่สุดของการเสียชีวิตในหญิงตั้งครรภ์ที่มีภาวะความดันโลหิตสูง
การรักษาภาวะความดันโลหิตขณะตั้งครรภ์หรือก่อนตั้งครรภ์ ไม่สามารถป้องกันภาวะครรภ์เป็นพิษได้ แต่สามารถป้องกันความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นกับระบบไหลเวียนโลหิตของมารดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระหว่างเจ็บท้องและขณะคลอดได้ ความเสี่ยงต่อทารกในครรภ์จะเพิ่มขึ้น เนื่องจากการเจริญเติบโตล่าช้า (growth retardation) และภาวะเนื้อเยื่อพร่องออกซิเจน (hypoxia) ที่มาจากความเสียหายของรก
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย