ทารกแรกเกิด หมายถึงทารกที่อยู่ในช่วงอายุ 0-3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่สมองของเด็กจะทำงานเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คุณพ่อคุณแม่จึงควรเอาใจใส่ในการดูแลและการเพิ่มทักษะให้เหมาะสมกับช่วงวัยของทารก ทั้งพัฒนาการทางกายภาพ การเรียนรู้ การจดจำ อารมณ์
ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอนงค์พร ผาภูมิ · พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)
ทารกแรกเกิด หมายถึงทารกที่อยู่ในช่วงอายุ 0-3 เดือน ซึ่งเป็นช่วงที่สมองของเด็กจะทำงานเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า คุณพ่อคุณแม่จึงควรเอาใจใส่ในการดูแลและการเพิ่มทักษะให้เหมาะสมกับช่วงวัยของทารก ทั้งพัฒนาการทางกายภาพ การเรียนรู้ การจดจำ อารมณ์
หลังลืมตาดูโลกได้ไม่นาน ทารกแรกเกิดอาจมีลักษณะทางกายภาพบางอย่างที่เปลี่ยนไป และมักจะกลับมาเป็นปกติได้ภายในไม่กี่วัน ลักษณะของทารกแรกเกิด มีดังนี้
คุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตการเปลี่ยนแปลงด้านพัฒนาการ ทารกแรกเกิด ได้จากพฤติกรรมที่เด็กแสดงออก ดังนี้
ทารกแรกเกิดช่วง 3 เดือนแรก มีกระดูกคอยังไม่แข็งแรงทำให้อาจมีอาการคอตกเป็นบางครั้ง คุณพ่อคุณแม่ควรประคองศีรษะและลำคอทารกทุกครั้งที่อุ้มขึ้นในแนวตั้ง แต่เมื่อระยะเวลาผ่านไปศีรษะทารกจะแข็งแรงขึ้นและเริ่มตั้งศีรษะเองได้ อีกทั้งทารกจะมีการเตะขา ยืดแขนไปมา โดยเฉพาะช่วงเวลาที่เห็นของเล่น เพื่อแสดงถึงความอยากได้ อยากเล่น และอยากสัมผัส
ทารกแรกเกิดที่อายุยังไม่ถึง 1 เดือนอาจไม่แสดงอาการหรือส่งเสียงใด ๆ แต่เมื่อเริ่มเข้าสู่ช่วง 2 เดือน ทารกแรกเกิดจะเริ่มเปล่งเสียงร้อง หรือเสียงสั้น ๆ เพื่อพูดคุย
ทารกจะไวต่อเสียง และเริ่มตอบสนองต่อเสียงที่ได้ยินด้วยการส่งยิ้ม หรือหันมองไปตามเสียงที่ได้ยินภายใน 1-2 เดือน (หากอายุประมาณ 2-3 เดือนแล้ว ยังไม่ตอบสนองต่อเสียงต่างๆเลย แนะนำปรึกษาคุณหมอ)
ทารกมักจ้องใบหน้าของคุณพ่อคุณแม่ในระหว่างให้นม เมื่อทารกอายุได้ 1 เดือน จะเริ่มโฟกัสหรือสนใจสิ่งของที่มีสีสันลวดลายสะดุดตา เช่น สีขาวตัดกับสีดำ เมื่อทารกอายุได้ 2 เดือน การมองเห็นจะพัฒนามากขึ้น และสามารถมองตามวัตถุไปมาได้ เช่น จ้องมองไฟที่อยู่ห่างออกไป มองตามคนที่เดินไปมาได้
วิธีดูแลทารกแรกเกิด ที่คุณพ่อคุณแม่ทำได้ มีดังนี้
ปัญหาสุขภาพของทารกแรกเกิดส่วนใหญ่ คือ มีไข้ ไม่สบาย ซึ่งคุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมอุปกรณ์การวัดไข้ให้พร้อมเพื่อเช็กสุขภาพของทารก โดยสามารถวัดได้บริเวณรักแร้ ช่องปาก หน้าผาก และทวารหนัก หากทารกแรกเกิดมีไข้ขึ้นสูงกว่า 37.2-38 องศาเซลเซียส พร้อมกับมีอาการหายใจเร็ว หายใจมีเสียง อาเจียน มีเลือดออกจากสายสะดือ ร้องไห้บ่อยครั้ง ไม่รับประทานนม ไม่ปัสสาวะเกิน 8 ชั่วโมง ไม่ถ่ายอุจจาระเป็นเวลา 72 ชั่วโมงหรือมีอาการท้องเสีย ควรพาไปพบคุณหมอโดยเร็ว เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของเด็กทารกแรกเกิด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย
แพทย์หญิงอนงค์พร ผาภูมิ
พ่อแม่เลี้ยงลูก · โรงพยาบาลเด็กสมิติเวช (ศรีนครินทร์)
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย