backup og meta

เฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทส (Ferric carboxymaltose)

เฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทส (Ferric carboxymaltose)

ข้อบ่งใช้

ยา เฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทส ใช้สำหรับ

ยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทส (Ferric carboxymaltose) ใช้เพื่อรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก (Iron Deficiency Anemia) ภาวะธาตุเหล็กต่ำนั้นสามารถเกิดได้จากสภาวะต่างๆ มากมาย รวมถึงการที่ร่างกายได้รับธาตุเหล็กจากอาหารได้ไม่เพียงพอ (เนื่องจากการขาดสารอาหารหรือดูดซึมสารอาหารได้ไม่ดี) หรือเมื่อคุณสูญเสียเลือดเป็นเวลานาน ยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทสเป็นธาตุเหล็กสำหรับฉีดรูปแบบหนึ่งที่จะใช้เมื่อคุณไม่สามารถรับธาตุเหล็กได้จากการรับประทานเนื่องจากผลข้างเคียงหรือการไม่ตอบสนองต่อการรักษา ยานี้ยังใช้ในผู้ที่มีภาวะโลหิตจางเนื่องจากโรคไตเรื้อรังอีกด้วย

ธาตุเหล็กนั้นเป็นแร่ธาตุที่สำคัญสำหรับการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงที่แข็งแรงที่ทำหน้าที่ในการลำเลียงออกซิเจนไปยังส่วนต่างๆ ในร่างกายได้อย่างเพียงพอ

วิธีการใช้ยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทส

โดยปกติแพทย์จะเป็นผู้ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำตามที่แพทย์กำหนด มักจะให้ยา 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 7 วัน โดยปกติแล้วมักจะค่อยๆ ให้ยานี้นานหลายนาที สามารถผสมยาเข้ากับน้ำเกลือแล้วให้ยาโดยการหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำนานกว่า 15 นาที

ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ น้ำหนักตัว และการตอบสนองต่อการรักษา แพทย์อาจจะสั่งให้คุณรับการตรวจในห้องแล็บเพื่อเฝ้าสังเกตการตอบสนองของคุณ

หากคุณใช้ยานี้เองที่บ้าน ควรเรียนรู้วิธีการเตรียมและการใช้ยาทั้งหมดจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ ก่อนใช้ยาควรมองดูว่ายามีฝุ่งละอองหรือเปลี่ยนสีหรือไม่ หากมีไม่ควรใช้ยานั้น และควรเรียนรู้วิธีการเก็บรักษาและกำจัดยาอย่างปลอดภัย

การเก็บรักษายาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทส

เก็บขวดยาที่ยังไม่ได้ใช้ไว้ในอุณหภูมิ 20°-25° เซลเซียส (68°-77° ฟาเรนไฮต์) อนุญาติช่วยระหว่างเดินทางที่อุณหภูมิ 15°-30° เซลเซียส (59°-86° ฟาเรนไฮต์) ห้ามแช่แข็ง สารละลายเจือจางในโซเดียมคลอไรด์ 0.9% ความเข้มข้นที่ 2-4 มก./มล. นั้นจะเสถียรที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 72 ชั่วโมง

หากคุณจำเป็นต้องเก็บยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทสไว้ที่บ้าน โปรดปรึกษาแพทย์ พยาบาล หรือเภสัชกรเกี่ยวกับวิธีการเก็บรักษายา

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา เฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทส

ก่อนใช้ยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทส แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือผลิตภัณฑ์ธาตุเหล็กสำหรับฉีด หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคตับ

ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวจนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย ควรจำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)

ขณะตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาแพทย์ถึงความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา

ยานี้สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา

ยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทสจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A= ไม่มีความเสี่ยง
  • B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C= อาจจะมีความเสี่ยง
  • D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X= ห้ามใช้
  • N= ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทส

อาจเกิดอาการหน้าแดง คลื่นไส้ วิงเวียน หรืออาการปวด ระคายเคือง หรือรอยช้ำบริเวณที่ฉีดยา และยังอาจเกิดรอยสีน้ำตาลบนผิวหนังบริเวณที่ฉีดยาซึ่งอาจจะเกิดขึ้นเป็นเวลานาน หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที

โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ

ในนานๆ ครั้งอาจจะเกิดอาการความดันโลหิตเพิ่มขึ้น บางครั้งอาจจะเกิดพร้อมกับอาการวิงเวียน คลื่นไส้ หรือหน้าแดงทันทีหลังจากให้ยานี้ แต่อาการเหล่านี้มักจะหายไปภายใน 30 นาที โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากความดันโลหิตของคุณยังสูงอยู่ หรือหากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือแย่ลง

แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้ ปวดกระดูกหรือมีปัญหาเกี่ยวกับกระดูก

การใช้ยานี้อาจทำให้เกิดอาการแพ้ที่หายากแต่รุนแรงมากและอาจถึงแก่ชีวิต คุณควรเฝ้าระวังขณะที่กำลังใช้ยานี้และเป็นเวลาอย่างน้อย 30 นาทีหลังจากนั้น รับการรักษาในทันทีหากคุณสังเกตเห็นอาการแพ้ที่รุนแรง เช่น ผดผื่น อาการคันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น หรือคอ) วิงเวียนอย่างรุนแรง หายใจติดขัด หมดสติ

ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาที่อาจจะมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่ ยาไดเมอร์แคปรอล (dimercaprol) ผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่มีส่วนผสมของธาตุเหล็ก

ยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทสอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทสอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น

ยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทสอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทสสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

ผู้ป่วยน้ำหนัก 50 กก. ขึ้นไป ให้ยาในขนาด 750 มก. ผ่านทางการฉีดยาอย่างช้าๆ หรือหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำ 2 ครั้งห่างกัน 7 วัน

ผู้ป่วยที่น้ำหนักน้อยกว่า 50 กก. ให้ยาในขนาด 15 มก./กก. ผ่านทางการฉีดยาอย่างช้าๆ หรือหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำ 2 ครั้งห่างกัน 7 วัน

ขนาดยาสูงสุด ขนาดยาโดยรวมทั้งหมดไม่ควรเกิน 1500 มก. ต่อชุดการรักษา

คำแนะนำ

-ขนาดยาแสดงให้เห็นเป็นมิลลิกรัมของธาตุเหล็ก

-อาจทำการรักษาซ้ำหากภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กกำเริบอีกครั้ง

การใช้งาน เพื่อรักษาภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็กในผู้ใหญ่ที่ไม่ทนหรือได้รับการตอบสนองที่ไม่เพียงพอต่อการรักษาด้วยยาธาตุเหล็กสำหรับรับประทานที่เป็นโรคไตเรื้อรังที่ไม่ต้องทำการฟอกไต

คำแนะนำอื่นๆ

คำแนะนำการใช้ยา

-ให้ยาโดยการฉีดยาที่ไม่เจือจางเข้าในหลอดเลือดดำอย่างช้าๆ หรือหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำนานกว่า 15 นาที

-เมื่อให้ยาโดยการฉีดยาช้าๆ ควรฉีดในอัตรา 100 มก. ต่อนาที

การเก็บรักษา สารละลายเจือจางในโซเดียม คลอไรด์ 0.9% ในความเข้มข้น 2-4 มก./มล. นั้นจะเสถียรที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลา 72 ชั่วโมง

ความเข้ากันของยาสำหรับฉีดเข้าหลอดเลือด ควรศึกษาข้อมูลจากผู้ผลิต สารละลายสำหรับหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำนั้นควรจะผสมขึ้นมาโดยใช้โซเดียมคลอไรด์ 0.9% เท่านั้น

การเฝ้าระวังทั่วไป

-ภาวะภูมิไวเกิน (Hypersensitivity) สัญญาณและอาการของภาวะภูมิไวเกินในช่วงระหว่างและหลังจากให้ยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทส

ทั่วไป

-ในแต่ละมิลลิกรัมของยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทสนั้นมีธาตุเหล็กอยู่ 50 มก.

ขนาดยาเฟอร์ริก คาร์บอกซีมาลโทสสำหรับเด็ก

ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร

รูปแบบของยา

ขนาดและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาสารละลายสำหรับฉีด

กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

[embed-health-tool-bmi]

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Ferric Carboxymaltose Dosage. https://www.drugs.com/dosage/ferric-carboxymaltose.html. Accessed January 30, 2018.

Ferric Carboxymaltose Solution. https://www.webmd.com/drugs/2/drug-164825/ferric-carboxymaltose-intravenous/details. Accessed January 30, 2018.

Ferric Carboxymaltose Injection. https://medlineplus.gov/druginfo/meds/a614037.html. Accessed November 20, 2019

เวอร์ชันปัจจุบัน

11/05/2020

เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ

อัปเดตโดย: Chayawee Limthavornrak


บทความที่เกี่ยวข้อง

โลหิตจางจากปัจจัยทางพันธุกรรม ที่ควรรู้จักมีอะไรบ้าง?

โลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก สัญญาณบ่งชี้และอาการที่ควรรู้


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 11/05/2020

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา