ต้อหิน (Glaucoma)
ดวงตาของเรามีการผลิตและระบายของเหลวเป็นปกติ แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่มีการผลิตของเหลวในดวงตามากจนเกินไป ก็จะก่อให้เกิดความดันจากของเหลว จนทำลายเส้นประสาทของดวงตา โดยต้อหินจะค่อย ๆ เริ่มจากบริเวณขอบด้านนอก และค่อย ๆ ไล่มาจุดกึ่งกลางของดวงตา และเนื่องจากต้อหินเป็นความผิดปกติของดวงตาที่เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ นี่เอง ทำให้กว่าจะรู้ตัวอีกที ต้อหินที่เป็นอยู่ก็เข้าขั้นอันตรายเสียแล้ว ซึ่งต้อหินถือเป็นสาเหตุอันดับต้น ๆ ของการสูญเสียการมองเห็นหรือ ตาบอด
เบาหวานขึ้นตา (Diabetic Retinopathy)
เบาหวานขึ้นตา เป็นโรคตาที่เกิดจากภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวาน โดยมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงสะสมจนทำให้เส้นเลือดที่จอประสาทตามีอาการบวมและมีเลือดออกที่จอประสาทตา ทำให้การมองเห็นแย่ลง เช่น เห็นภาพซ้อน ภาพมัว ภาพมีขีดหรือจุด เป็นต้น และถ้าหากปล่อยไว้ไม่ได้รับการรักษา มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการ ตาบอด อย่างไรก็ตาม หากตรวจพบภาวะเบาหวานขึ้นตาตั้งแต่เนิ่น ๆ และเข้ารับการรักษา มีโอกาสสูงที่จะหายจากภาวะดังกล่าว
โรคจอประสาทตาเสื่อม RP (Retinitis Pigmentosa)
โรคจอประสาทตาเสื่อม RP เป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก ซึ่งเกิดจากเสื่อมสภาพของเรตินา โดยไล่มาจากส่วนของขอบตา จนกระทั่งมืดสนิท โรคตาชนิดนี้มักได้รับการวินิจฉัยตั้งแต่อายุยังน้อย ทำให้เด็กที่เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม RP เกิดมาพร้อมกับอาการตาบอดกลางคืน และปัจจุบันยังไม่มีวิธีรักษาที่เฉพาะเจาะจง ทำให้ผู้ที่เป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม RP มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการ ตาบอด
ตาขี้เกียจ (Amblyopia)
ภาวะตาขี้เกียจ เป็นภาวะความผิดปกติของดวงตาที่พบได้บ่อยตั้งแต่เด็ก เกิดจากดวงตาข้างใดข้างหนึ่งมีประสิทธิภาพในการทำงานหรือการมองเห็นลดลง ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างทำหน้าที่ไม่สอดคล้องกัน โดยตาข้างหนึ่งอาจมีสายตายาวหรือมีสายตาเอียง ขณะที่ตาอีกข้างเป็นปกติ โรคตาขี้เกียจเสี่ยงที่จะนำไปสู่ภาวะสายตาสั้น และหากไม่ได้รับการบำบัดรักษาตั้งแต่อายุยังน้อย เสี่ยงที่ประสิทธิภาพในการมองเห็นจะค่อย ๆ ลดลง จนกระทั่งมืดสนิทหรือ ตาบอด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย