หมายเหตุ ไม่ควรใช้ Clindamycin หรือ Erythromycin ทาอย่างเดียว เพราะมีความเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อดื้อยา ควรใช้ร่วมกับ Benzoyl peroxide
สิวปานกลาง (moderate acne)
เป็นระยะที่เริ่มมีสิวอักเสบเกิดขึ้นซ้ำๆ ในระยะนี้ แพทย์อาจแนะนำให้ใช้ยาทาที่ใช้กับระดับสิวเล็กน้อย ร่วมกับยารับประทาน คือ ยาในกลุ่ม Tetracycline แต่ถ้าแพ้ยาในกลุ่ม Tetracycline ให้ใช้ Erythromycin แทน
สิวรุนแรง (severe acne)
ในระยะนี้จะเกิดสิวหลายชนิดรวมกันทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบและสิวประเภทอื่นๆ รวมทั้งยังอาจขยายบริเวณจากใบหน้า ลามไปถึงแผ่นหลัง แผ่นอก หรือสะโพก
อีกด้วย ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง ในกรณีการรักษาที่ไม่ตอบสนองด้วยวิธีรักษาสิวแบบมาตรฐานใน 2-3 เดือน
ถ้าอยากรู้ว่าเป็นสิวระดับไหนตอนนี้ก็มี application Spot Scan ที่ให้เราเข้าไปวิเคราะห์ปัญหาสิว และติดตามผลการรักษาสิวได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย http://bit.ly/thspotscan-LRP
การดูแลผิวหลัง การรักษาสิว
เมื่อสิวหายไปแล้ว ก็ใช่ว่าจะวางใจได้ เพราะปัญหาที่อาจเกิดตามมา คือ รอยแดง รอยดำ หลุมแผลเป็น และแผลเป็นนูน ซึ่งเกิดจากสิวอักเสบและสิวหัวดำ โดยการดูแลรักษารอยสิวก็มีหลายวิธี ซึ่งสามารถทำได้ด้วยตัวเอง เช่น
- การใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์(Retinoids) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดจุดด่างดำจากรอยแผลสิว
- การใช้ครีมลดรอยสิวที่มีส่วนประกอบของ โปรซีหลาด (Procerad) วิตามินอี วิตามินซี อาร์บูติน กลูต้าไธโอน
โคจิก ทรานซามิค ฯลฯ ที่ช่วยลดรอยดำ รอยแดงที่เกิดจากสิว - การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น AHA, BHA, LHA
การรักษาสิวและรักษารอยสิวนั้นเป็นการรักษาที่ต้องใช้เวลาอยู่สักหน่อย และผู้ป่วยจำเป็นต้องดูแลรักษาตัวเองเป็นอย่างดี ทั้งในระหว่างที่เป็นสิว และหลังจากการรักษา และควรศึกษาครีมรักษาสิวหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ร่วมในการรักษาสิวด้วย เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลดการเกิดสิวเพิ่มในอนาคต
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค และการรักษาโรคแต่อย่างใด