ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นสิวที่หู
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เป็นสิวที่หู ได้แก่
- อายุ สิวอาจเกิดขึ้นกับทุกช่วงวัย แต่อาจพบได้บ่อยในช่วงวัยรุ่นเนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน
- ครอบครัว หากคนในครอบครัวเป็นสิว อาจได้รับจากพันธุกรรมที่มีแนวโน้มทำให้เป็นสิวได้เช่นกัน
- สิ่งสกปรก เช่น เหงื่อ อาหาร หรือขี้หูก็อาจก่อให้เกิดการอุดตันรูขุมขนที่นำไปสู่การเกิดสิวได้
- แรงเสียดสี ผิวที่ถูกเสียดสีจากพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น การปั่นหูรุนแรง อาจส่งผลให้ผิวอักเสบ และกระตุ้นให้เกิดสิวได้
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยสิวที่หู
สิวที่หูอาจสังเกตได้ยากกว่าสิวที่ใบหน้า ดังนั้น จึงควรเข้ารับการวินิจฉัยจากคุณหมอด้านผิวหนัง โดยคุณหมออาจใช้ไฟส่องตรวจดูในช่องหู เพื่อดูอาการและชนิดของสิวก่อนแนะนำวิธีรักษา
การรักษาสิวที่หู
สิวที่หู อาจรักษาได้ด้วยการใช้ยา ดังนี้
- เบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) เป็นยาทาเฉพาะที่รูปแบบครีม เจล โฟม หรือโลชั่น เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นสิวที่หูระดับปานกลาง โดยอาจเลือกใช้เป็นยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ 5% หรือตามดุลพินิจของคุณหมอ
- เรตินอยด์ คือยากลุ่มอนุพันธ์วิตามินเอในรูปแบบครีม เจล หรือโลชั่น ใช้ทาเฉพาะที่เพื่อป้องกันการอุดตันในรูขุมขน ส่วนใหญ่คุณหมอมักแนะนำให้ใช้เป็นเตรทติโนอิน (Tretinoin)
- ยาปฏิชีวนะ เช่น มิโนไซคลีน (Minocycline) ด็อกซีไซคลีน (Doxycycline) มีคุณสมบัติช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียของสิว ซึ่งควรใช้ควบคู่กับยารักษาสิวชนิดอื่น ๆ เพื่อป้องกันการดื้อยา
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันสิวที่หู
วิธีป้องกันสิวขึ้นที่หู อาจทำได้ด้วยการรักษาสุขอนามัย เช่น ทำความสะอาดหูฟังบ่อย ๆ เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรก และทำความสะอาดภายในช่องหู รอบใบหู ด้วยผลิตภัณฑ์ล้างหน้า สบู่ ที่ปรับความสมดุลของค่า pH และให้ความอ่อนโยนต่อผิวบริเวณหู
นอกจากนี้ ควรปั่นหูขจัดขี้หูออกด้วยแรงเบาเพื่อลดการเสียดสี และไม่ควรบีบสิวที่หูด้วยตนเองหรือนำมือไปสัมผัสบ่อย ๆ เพราะอาจก่อให้เกิดการอักเสบเพิ่มขึ้น
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย