การรับประทานวิตามิน อาหารเสริม เป็นการเพิ่มสารอาหาร นอกเหนือจากการรับประทานอาหารชนิดต่าง ๆ ในแต่ละวัน เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารนั้น ๆ ในปริมาณที่มากพอจะช่วยบำรุง และซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย แต่สำหรับ วิตามินเค ที่แทบจะไม่ปรากฎให้เห็นในรูปแบบอาหารเสริมเลย จะสามารถรับประทานได้จากอาหารชนิดใดบ้าง วันนี้ Hello คุณหมอ มีคำตอบมาให้แล้ว กับสุดยอด ผลไม้ให้วิตามินเคสูง ที่คุณควรรู้จัก
[embed-health-tool-bmi]
วิตามินเค คืออะไร
วิตามินเค หรือ วิตามินK เป็นวิตามินที่มีหน้าที่และบทบาทสำคัญต่อลิ่มเลือด ป้องกันไม่ให้เลือดออกมากเกินไป หรือเลือดออกจนไหลไม่หยุด โดยจะมีความแตกต่างจากวิตามินชนิดอื่น ๆ เช่น วิตามินซี วิตามินบี ตรงที่วิตามินเคมักจะไม่ได้ถูกนำมาใช้รับประทานเป็นอาหารเสริมกันอย่างแพร่หลาย แต่อย่างไรก็ตาม ยังคงสามารถพบอาหารเสริมที่เป็นวิตามินเคได้บ้างในบางพื้นที่ เช่น ประเทศสหรัฐอเมริกา
วิตามินเคเป็นกลุ่มของสารประกอบที่ประกอบไปด้วย วิตามินเค 1 และวิตามินเค 2 เมื่อลองจำแนกความแตกต่างแล้วพบว่า วิตามินเค 1 ได้จากการรับประทานผักใบเขียว และผักชนิดต่าง ๆ ในขณะที่ วิตามินเค 2 ได้จากการรับประทานเนื้อสัตว์ ไข่ ชีส และการสังเคราะห์จากแบคทีเรียบางชนิด
วิตามินเค ดีอย่างไร
หากร่างกายของเรามีวิตามินเคไม่เพียงพอ หรือที่เรียกกันว่า ระดับวิตามินเคต่ำ จะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการเลือดไหลไม่หยุด หรือเลือดออกจนไม่สามารถควบคุมได้ อาการขาดวิตามินเคนั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากสำหรับผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็ก ๆ โดยเฉพาะกับเด็กแรกเกิด ถือว่าเป็นเรื่องปกติที่ร่างกายจะยังมีปริมาณของระดับวิตามินเคไม่เพียงพอ จึงจำเป็นต้องมีการฉีดวัคซีนวิตามินเคให้แก่เด็กแรกเกิด ยิ่งไปกว่านั้น วิตามินเคยังถูกนำมาใช้ในการต่อต้านการทำงานของยาที่เกี่ยวกับลิ่มเลือดที่มีปริมาณเกินขนาดอีกด้วย
หากร่างกายของคนเราขาดวิตามินเค นอกจากจะเสี่ยงต่อการมีอาการเลือดไหลไม่หยุดแล้ว ก็ยังมีความเสี่ยงในเรื่องอื่น ๆ ดังนี้
- เสี่ยงต่อการเกิดโรคที่ส่งผลต่อกระบวนการดูดซึมในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคโครห์น (Crohn’s Disease) ที่เป็นโรคเกี่ยวกับการอักเสบชนิดเรื้อรังในระบบทางเดินอาหาร และลำไส้
- เสี่ยงที่จะทำให้ร่างกายมีสภาวะการอักเสบที่บริเวณลำไส้เล็ก จนไม่สามารถดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ มาใช้ได้มากพอ
- เสี่ยงต่อการเป็นโรคขาดสารอาหารอย่างรุนแรง
- เสี่ยงเป็นโรคเซลิแอค (Celiac Disease)
5 ผลไม้ให้วิตามินเคสูง ที่ไม่ควรพลาด
วิตามินเคนั้นเป็นวิตามินที่สำคัญต่อร่างกาย และระบบเลือด อีกทั้งการขาดวิตาเคก็ยังส่งผลเสียต่อร่างกายด้วยเช่นกัน ดังนั้น เพื่อให้ร่างกายของเรามีวิตามินเคที่สมดุล เราสามารถที่จะรับวิตามินชนิดนี้ได้จากการรับประทานอาหารในทุก ๆ วัน โดยเฉพาะผลไม้ และที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ จัดว่าเป็น 5 สุดยอดผลไม้ที่ให้ปริมาณของวิตามินเคในระดับสูง ได้แก่
1.ทับทิม
เริ่มที่อันดับแรก คือทับทิม ค้นพบว่าทับทิมให้วิตามินเคมากถึง 12% ต่อปริมาณร้อยละที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน การรับประทานทับทิม 100 กรัม สามารถให้วิตามินเคสูงสุดที่16ไมโครกรัม
2.ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ จำเพาะแบล็คเบอร์รี่และบลูเบอร์รี่ ซึ่งเป็นเบอร์รี่สองชนิดที่ให้ปริมาณของวิตามินเคในระดับที่เท่ากัน คือ 12% ต่อปริมาณร้อยละที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน การรับประทานแบล็คเบอร์รี่ 100 กรัม สามารถให้วิตามินเคสูงสุดที่ 20 ไมโครกรัม ในขณะที่การรับประทานบลูเบอร์รี่ 100 กรัม สามารถให้วิตามินเคสูงสุดที่ 19 ไมโครกรัม
3.อะโวคาโด
อะโวคาโด ให้ปริมาณของวิตามินเคอยู่ที่ 18% ต่อปริมาณร้อยละที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน การรับประทานอะโวคาโด 100 กรัม สามารถให้วิตามินเคสูงถึง21ไมโครกรัม
4.กีวี
กีวี ให้ปริมาณของวิตามินเคอยู่ที่ 23% ต่อปริมาณร้อยละที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน การรับประทานกีวี1ผล จะได้รับวิตามินเคที่ 28 ไมโครกรัม และการรับประทานกีวี 100 กรัม สามารถให้วิตามินเคสูงถึง 40 ไมโครกรัม
5.ลูกพรุน
ลูกพรุนจัดได้ว่าเป็นผลไม้ที่ให้วิตามินเคสูงสุด โดยให้ปริมาณของวิตามินเคอยู่ที่ 24% ต่อปริมาณร้อยละที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน การรับประทานลูกพรุน 5 ชิ้น จะได้รับวิตามินเคที่ 28 ไมโครกรัม และการรับประทานลูกพรุน 100 กรัม สามารถให้วิตามินเคสูงถึง 60 ไมโครกรัม หรือคิดเป็น 50% ต่อปริมาณร้อยละที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันเลยทีเดียว
อาหารเหล่านี้เป็นแหล่งชั้นดีของวิตามินเค
นอกเหนือจากผลไม้ 5 ชนิดข้างต้นที่จัดว่าเป็นที่สุดของผลไม้ที่ให้วิตามินเคแล้ว เรายังสามารถรับสารอาหารนี้จากอาหารอื่น ๆ ได้ด้วยเช่นกัน ดังนี้
กลุ่มอาหารที่ทำมาจากนมและไข่
เช่น เนย ชีส ไข่แดง ครีม อาหารประเภทนี้จะให้วิตามินเค2 โดยเฉพาะเนยแข็งประเภทฮาร์ดชีส (Hard Cheese) ที่ให้ปริมาณของวิตามินเคสูงสุด โดยการรับประทานเนยแข็งประเภทฮาร์ดชีส 100 กรัม จะได้รับวิตามินเคมากถึง 87 ไมโครกรัม หรือคิดเป็น 72% ต่อปริมาณร้อยละที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวันเลยทีเดียว
เนื้อสัตว์ต่าง ๆ
โดยเฉพาะเนื้อวัว หมูสับ ไก่ และตับห่าน จัดว่าเป็น 4 สุดยอดเนื้อสัตว์ที่ให้ปริมาณของวิตามินเคสูงที่สุด
ถั่ว
ถือเป็นอาหารอีกชนิดหนึ่งที่อุดมไปด้วยวิตามินเค แต่ขอแนะนำให้เป็นถั่วที่สุกแล้ว โดยเฉพาะ ถั่วเขียว ถั่วลันเตา ถั่วเหลือง และถั่วงอก
ผักชนิดต่างๆ
โดยเฉพาะผักเคลที่ให้ปริมาณของวิตามินเคมากถึง 817 ไมโครกรัมต่อการรับประทาน 100 กรัม รองลงมาเป็นผักกาดเขียวปลี ต้นสวิสชาร์ด (Swiss Chard) ผักคะน้าฝรั่ง (Collard Greens) และบีทกรีน (Beet Greens)
จะเห็นได้ว่าอาหารแทบทุกชนิดนั้นต่างก็อุดมไปด้วยวิตามินเคทั้งสิ้น แม้จะต่างกันที่ปริมาณ แต่ก็ช่วยเสริมสร้างให้ร่างกายมีระดับของวิตามินเคที่สมดุล เพื่อเสริมให้ร่างกายแข็งแรงและมีระบบลิ่มเลือดที่สมบูรณ์ด้วย