2. การผ่าคลอดแบบไม่ได้วางแผนมาก่อน จะใช้ในกรณีต่อไปนี้
- ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ ศีรษะของทารกไม่เคลื่อนลงมาที่อุ้งเชิงกรานและติดอยู่ในกระดูกอุ้งเชิงกราน
- ทำคลอดตามปกติไม่ได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อมดลูกหดตัวได้ไม่ดี หรือปากมดลูกเปิดช้าเกินไปหรือไม่เปิดเลย
- ทารกในครรภ์มีอาการผิดปกติ เช่น ไม่มีสัญญาณชีพจร ซึ่งจำเป็นต้องทำคลอดและได้รับการดูแลโดยเร็วที่สุด
- คุณแม่มีภาวะสายสะดือแลบหรือสายสะดือย้อย (Umbilical cord prolapse) เป็นภาวะที่สายสะดือหย่อนลงมาอยู่ข้าง ๆ หรืออยู่ต่ำกว่าส่วนนำของทารก หรือหย่อนเข้าไปในปากมดลูก ช่องคลอด หรือโผล่ออกมาจากปากช่องคลอดหลังจากน้ำคร่ำแตก
- คุณแม่มีปัญหาสุขภาพ เช่น ความดันโลหิตสูง หากคลอดธรรมชาติอาจทำให้คุณแม่และทารกเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพได้
คุณแม่ตั้งครรภ์สามารถ ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง
ในปัจจุบันยังไม่มีงานวิจัยที่ยืนยันว่า คุณแม่สามารถผ่าคลอดได้สูงสุดกี่ครั้ง แต่โดยทั่วไปจะแนะนำให้ผ่าคลอดไม่เกิน 3 ครั้ง เนื่องจากการผ่าตัดแต่ละครั้งจะทำให้เกิดแผลเป็นและพังผืดที่เนื้อเยื่อมดลูก ซึ่งส่งผลให้ผ่าคลอดครั้งต่อไปได้ยากขึ้น เลือดออกมากขึ้น และอาจเสี่ยงทำให้อวัยวะใกล้เคียงได้รับบาดเจ็บ
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Pakistan Journal of Medical Sciences ฉบับเดือนกรกฎาคม-ตุลาคม พ.ศ. 2560 ศึกษาเกี่ยวกับความปลอดภัยในการผ่าคลอดหลายครั้ง เผยว่า แม้จะยังไม่มีงานวิจัยที่ระบุว่าการผ่าคลอด 5 ครั้งขึ้นไปทำให้อัตราการเสียชีวิตในคุณแม่และทารกในครรภ์สูงขึ้นหรือเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพมากกว่าการคลอดธรรมชาติ แต่ยิ่งผ่าคลอดบ่อยเท่าไหร่ ก็อาจยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนทางสูติกรรมได้ขึ้นมากเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้ยังจำเป็นต้องมีการศึกษาวิจัยเพิ่มเติมต่อไป เพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์สามารถแนะนำคุณแม่ตั้งครรภ์ได้ว่า คุณแม่สามารถผ่าคลอดได้กี่ครั้ง เพื่อความปลอดภัยของทั้งคุณแม่และทารกในครรภ์
ความเสี่ยงของการผ่าคลอด
ความเสี่ยงต่อสุขภาพของการผ่าคลอด อาจมีดังนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย