ไตรมาสที่ 3

ยิ่งเข้าสู่ช่วง 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ ก็ยิ่งหมายความว่าใกล้จะถึงเวลาที่เจ้าตัวน้อยจะได้ลืมตามาดูโลกแล้ว แต่นั่นก็หมายความว่า คุณพ่อคุณแม่ยิ่งควรใส่ใจและให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพของคุณแม่ตั้งครรภ์มากยิ่งขึ้นไปอีก เรียนรู้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ในช่วง ไตรมาสที่ 3 ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

ไตรมาสที่ 3

คุณแม่ ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง และควรผ่าคลอดในกรณีใดบ้าง

การผ่าคลอด (Cesarean section หรือ C-section) เป็นการผ่าตัดคลอดบุตรทางหน้าท้อง มักใช้ในกรณีที่คุณแม่หรือทารกในครรภ์อาจเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพหากคลอดตามธรรมชาติ แม้การผ่าคลอดจะพบได้ทั่วไป แต่หลายคนก็อาจสงสัยว่า คุณแม่สามารถ ผ่าคลอดได้กี่ครั้ง และการผ่าคลอดควรทำในกรณีใดบ้าง โดยทั่วไปแนะนำไม่ให้คุณแม่ผ่าคลอดเกิน 3 ครั้งเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดกับคุณแม่และทารกแรกเกิด และคุณหมอจะเป็นผู้พิจารณาว่าภาวะสุขภาพของคุณแม่จำเป็นต้องเข้ารับการผ่าคลอดหรือไม่ [embed-health-tool-due-date] การผ่าคลอดใช้ในกรณีใดบ้าง ทางเลือกในการผ่าคลอดอาจแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะ ดังนี้ 1. การผ่าคลอดแบบวางแผนมาก่อนล่วงหน้า จะใช้ในกรณีต่อไปนี้ คุณแม่เคยผ่าคลอด เพราะในบางกรณี หากเคยผ่าคลอดแล้ว ครั้งต่อไปจะเปลี่ยนไปคลอดธรรมชาติ อาจเสี่ยงเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น มดลูกแตก คุณหมอจึงอาจแนะนำให้ใช้วิธีผ่าคลอด คุณแม่มีภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta Previa) ที่ทำให้รกบังปากมดลูกบางส่วนหรือทั้งหมดเอาไว้ และเสี่ยงเกิดภาวะเลือดออกมากเกินไปหากคลอดธรรมชาติ ทารกอยู่ในท่าก้น (Breech Presentation) เป็นท่าที่ทารกเอาก้นหรือขาเป็นส่วนนำ ไม่กลับศีรษะลงมาที่อุ้งเชิงกรานของคุณแม่ตามปกติ ทำให้ไม่สามารถคลอดทางช่องคลอดได้ ทารกอยู่ในท่าขวาง (Transverse Presentation) เป็นท่าที่ทารกนอนขวางอยู่ในมดลูก ทำให้ไม่สามารถกกลับศีรษะลงมาที่อุ้งเชิงกรานของคุณแม่เพื่อคลอดธรรมชาติได้ คุณแม่ตั้งครรภ์แฝด โดยเฉพาะเมื่อทารกอยู่ในท่าก้น ทั้งนี้ คุณแม่ที่มีภาวะดังกล่าวอาจไม่จำเป็นต้องผ่าคลอดเสมอไป คุณแม่สามารถปรึกษาคุณหมอเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการคลอดที่เหมาะสมกับภาวะสุขภาพและความต้องการของตัวเองได้ 2. การผ่าคลอดแบบไม่ได้วางแผนมาก่อน จะใช้ในกรณีต่อไปนี้ ทารกอยู่ในท่าผิดปกติ ศีรษะของทารกไม่เคลื่อนลงมาที่อุ้งเชิงกรานและติดอยู่ในกระดูกอุ้งเชิงกราน ทำคลอดตามปกติไม่ได้ เนื่องจากกล้ามเนื้อมดลูกหดตัวได้ไม่ดี […]

สำรวจ ไตรมาสที่ 3

ไตรมาสที่ 3

อาการท้องแข็งใกล้คลอด เป็นอย่างไร ควรดูแลตัวเองอย่างไร

อาการท้องแข็งใกล้คลอด มักพบในช่วงไตรมาสที่ 3 (เดือนที่ 8-9) ของการตั้งครรภ์ เกิดจากร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อมดลูกบีบรัดและคลายตัว ซึ่งอาจเป็นได้ทั้งการบีบรัดตัวขณะตั้งครรภ์ตามปกติ และการบีบรัดตัวเมื่อถึงระยะคลอดซึ่งจะมาพร้อมอาการที่เฉพาะเจาะจง เช่น มีมูกเลือดออกจากช่องคลอด มีอาการปวดท้องที่ค่อย ๆ ถี่และเจ็บขึ้น คุณแม่ควรเรียนรู้ความแตกต่างของอาการเจ็บท้องเตือนและเจ็บท้องคลอด รวมถึงวิธีดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม ซึ่งอาจช่วยลดอาการไม่สบายตัวจากการบีบรัดของมดลูกขณะตั้งครรภ์ได้ [embed-health-tool-due-date] อาการท้องแข็งใกล้คลอด เป็นอย่างไร อาการท้องแข็งใกล้คลอด พบได้ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 หรือช่วงเดือนที่ 8-9 ของการตั้งครรภ์ เกิดจากมดลูกหดตัวและบีบตัวเพื่อเตรียมร่างกายให้พร้อมสำหรับการคลอด ส่งผลให้หน้าท้องแข็งตึง รู้สึกคับแน่นและอึดอัด เมื่อสัมผัสแล้วจะรู้สึกว่าท้องแข็งกว่าปกติ อาการท้องแข็งสามารถเกิดขึ้นได้บ่อย และมักเกิดขึ้นประมาณ 30 วินาที/ครั้ง โดยอาการท้องแข็ง อาจแบ่งออกได้ดังนี้ อาการท้องแข็งที่เป็นการเจ็บท้องเตือน เป็นอาการท้องแข็งที่เกิดจากมดลูกบีบรัดตัวเมื่อมีสิ่งกระตุ้นบางประการ เช่น ทารกดิ้น คุณแม่ทำงานหรือขยับร่างกายมากเกินไป คุณแม่อาจเริ่มมีอาการมดลูกบีบรัดตัวตั้งแต่ช่วงสัปดาห์ที่ 12-16 ของการตั้งครรภ์ และอาจมีอาการต่อเนื่องไปตลอดการตั้งครรภ์ ในช่วงไตรมาสที่ 3 มดลูกจะบีบรัดตัวรุนแรงจนเกิดเป็นอาการท้องแข็งที่ชัดเจนขึ้น โดยปกติจะไม่ทำให้รู้สึกเจ็บ อาจมีอาการทุก ๆ 15-20 นาที โดยจะเป็น ๆ หาย ๆ ไม่สม่ำเสมอและไม่ถี่ขึ้น […]


ไตรมาสที่ 3

อาการท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ 8 เดือน สาเหตุและวิธีดูแลตัวเอง

อาการท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ 8 เดือน หรือการเจ็บท้องหลอก (Braxton Hicks contractions) เป็นภาวะปกติสำหรับผู้ตั้งครรภ์ในช่วงไตรมาสที่ 3 อาจรู้สึกแน่นท้อง และบางครั้งอาจมีอาการเจ็บท้องด้วย อาการที่เกิดขึ้นนี้อาจทำให้คุณแม่ตั้งครรภ์หรือผู้ใกล้ชิดสับสนระหว่างการเจ็บท้องหลอกและการเจ็บท้องคลอดจริง แต่การเจ็บท้องคลอดจริงจะเกิดถี่กว่าและรุนแรงกว่า และมักเกิดขึ้นในช่วงประมาณ 3-4 สัปดาห์ก่อนคลอด มดลูกอาจบีบตัวเป็นระยะด้วย เนื่องจากร่างกายเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดลูก นอกจากนี้ อาการท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ 8 เดือนยังอาจเกิดจากทารกดิ้นแรง การมีเพศสัมพันธ์ และการเคลื่อนไหวร่างกายมากเกินไปของคุณแม่ ในระยะนี้คุณแม่อาจต้องดูแลตัวเองและพักผ่อนเยอะ ๆ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการคลอดที่จะมาถึงในอีกไม่กี่สัปดาห์ อาการท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ 8 เดือน เกิดจากอะไร อาการท้องแข็งขณะตั้งครรภ์ 8 เดือนอาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้ มดลูกหดเกร็ง เมื่อมดลูกหดเกร็ง สัมผัสแล้วอาจรู้สึกว่าท้องแข็ง เป็นก้อน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดขึ้นได้บ่อย ดื่มน้ำน้อยเกินไป เมื่อร่างกายคุณแม่อยู่ในภาวะขาดน้ำ อาจส่งผลทำให้กล้ามเนื้อและมดลูกหดเกร็ง จนมีอาการท้องแข็ง มีเพศสัมพันธ์ การถึงจุดสุดยอดอาจทำให้มดลูกหดเกร็งตัว ส่งผลให้มีอาการท้องแข็งได้ คุณแม่ขยับร่างกายเยอะ เมื่อคุณแม่ขยับร่างกายมากเกินไป หรือทำกิจกรรมที่ใช้แรงเยอะ เช่น การยกของหนัก การเดินไกล ๆ อาจทำให้มีอาการท้องแข็งและเจ็บท้องได้ รับประทานอาหารเยอะเกินไป ในช่วงอายุครรภ์ 8 […]


ไตรมาสที่ 3

ท้อง 7 เดือน สุขภาพคุณแม่และพัฒนาการทารกในครรภ์

สำหรับคุณแม่ที่ ท้อง 7 เดือน หรือ 30 สัปดาห์ ซึ่งถือเป็นช่วงไตรมาสที่ 3 เป็นช่วงที่มีความสำคัญมากทั้งต่อคุณแม่และทารกในครรภ์ ร่างกายของคุณแม่อาจมีการเปลี่ยนแปลงตามการเจริญเติบโตของทารก เช่น มดลูกขยาย ท้องโต อีกทั้งทารกในครรภ์อาจมีพัฒนาการด้านการรับรู้ และการได้ยินจากสิ่งภายนอกที่มากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงของคุณแม่เมื่อท้อง 7 เดือน เมื่อคุณแม่ตั้งท้องได้ 7 เดือน อาจรู้สึกได้ถึงการดิ้นของลูกน้อย เนื่องจากมดลูกจะเริ่มขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนบนสุดของมดลูกจะอยู่เหนือกระดูกหัวหน่าวประมาณ 28 เซนติเมตร และเพราะน้ำหนักตัวของทารกที่เริ่มมากขึ้นอยู่ที่ประมาณ 900-1,100 กรัม และการที่น้ำหนักของคุณแม่เพิ่มมากขึ้นกว่าปกติ อาจทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก จนเกิดเลือดคั่งในขา ส่งผลให้เกิดเส้นเลือดขอดบริเวณต้นขาหรือน่อง รวมถึงอาการด้านอื่น ๆ ดังนี้  หายใจไม่สะดวก เนื่องจากขนาดมดลูกที่โตขึ้น ดันกะบังลมให้สูงขึ้น ทำให้ปอดขยายได้ลดลง อาการคันตามตัว เนื่องจากผิวหนังมีการขยายตัวมากขึ้น วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ มีอาการปวดเมื่อยทั่วร่างกาย เช่น ปวดหลัง ปวดขา มือเท้าบวม รอยแตกลายตามผิวหนัง มีผิวคล้ำเป็นบางจุด อาหารไม่ย่อย การติดเชื้อ เช่น ติดเชื้อในช่องคลอด ติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ […]


ไตรมาสที่ 3

การดูแลสุขภาพคนท้องไตรมาสที่สาม มีเรื่องอะไรที่ต้องระวังเป็นพิเศษ

การดูแลสุขภาพคนท้องไตรมาสที่สาม หรือช่วงก่อนคลอด ถือเป็นส่วนสำคัญของการตั้งครรภ์ เพราะในช่วงนี้ คือ ช่วงสุดท้ายก่อนที่ทารกออกมาจะลืมตาดูโลก การกระทบกระเทือนของคุณแม่เพียงเล็กน้อยอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาวะของครรภ์ได้ คุณแม่ควรดูแลตนเอง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงทั้งตัวคุณแม่เองและลูกน้อย [embed-health-tool-”due-date”] การดูแลสุขภาพคนท้องไตรมาสที่สาม ช่วงไตรมาสที่สามนั้นเริ่มต้นสัปดาห์ที่ 28 ถึงสิ้นสุดการตั้งครรภ์ ทารกยังคงเติบโตและเริ่มขยับร่างกายมากขึ้น ภายใน 35-36 สัปดาห์ โดยส่วนมากทารกจะอยู่ในท่ากลับหัวเพื่อพร้อมคลอด การเข้าพบคุณหมอจึงเป็นเรื่องดีในการตรวจเช็คตำแหน่งที่ถูกต้องของทารก นอกจากนั้นแล้วยังควรตรวจสุขภาพด้านต่าง ๆ ดังนี้ ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพครรภ์ในช่วงไตรมาสสามคุณหมอจะตรวจสอบสุขภาพโดยรวมของคุณแม่ว่าเป็นอย่างไร รวมถึงการหดตัวของมดลูกและตรวจสอบว่ามีเลือดออกมาหรือไม่ ตรวจสอบความดันโลหิตและน้ำหนักตัว รวมไปถึงการเต้นของหัวใจและการเคลื่อนไหวของทารก ตรวจอุ้งเชิงกรานเพื่อดูว่าปากมดลูกขยายตัวได้หรือไม่ ในกรณีที่มีอาการแสดงของการเจ็บครรภ์คลอด คุณหมอจะแนะนำให้ตรวจสอบความเคลื่อนไหวของทารกอยู่ตลอดในทุก ๆ วัน ในบางรายคุณหมอจะแนะนำการฉีดวัคซีนป้องกันโรคในช่วง 27-36 สัปดาห์ของการตั้งครรภ์ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่และบาดทะยัก รวมทั้งวัคซีนป้องกันโรคคอตีบและไอกรน เพื่อส่งต่อภูมิคุ้มกันไปยังลูกน้อยในครรภ์ได้ ตรวจคัดกรองกลุ่ม บี สเตรปโทคอกคัส (Group B Streptococcus หรือ GBS) กลุ่ม บี สเตรปโทคอกคัส (Group B Streptococcus หรือ GBS) เป็นแบคทีเรียที่พบได้ทั่วไปในลำไส้หรืออวัยวะเพศซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อผู้ใหญ่ แต่ทารกที่สัมผัสกับเชื้อดังกล่าวอาจป่วยหนักได้ ในบางโรงพยาบาล คุณหมอจะทำการตรวจป้ายสารรคัดหลั่งบริเวณช่องคลอดและทวารหนักเพื่อนำไปเพาะเชื้อ หากตรวจแล้วพบว่ามีเชื้อแบคทีเรียคุณหมอจะสั่งยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำระหว่างคลอด เพราะยาปฏิชีวนะจะช่วยป้องกันทารกจากแบคทีเรียกลุ่ม […]


ไตรมาสที่ 3

อาการคนท้องไตรมาสที่สาม กับข้อควรระวังก่อนใกล้คลอด

อาการคนท้องไตรมาสที่สาม เป็นช่วงระยะเวลาที่ทารกในครรภ์ใกล้จะออกมาลืมตาดูโลกแล้ว ซึ่งการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของตนเองและทารกอาจทำให้หญิงตั้งครรภ์รู้สึกไม่สบายตัวเท่าไรนัก เนื่องจากขนาดท้องที่ใหญ่ขึ้นและน้ำหนักตัวที่เพิ่มขึ้น จำเป็นต้องหมั่นสังเกตอาการของตนเองและการเคลื่อนไหวของทารก เพื่อเฝ้าระวังความผิดปกติหรือภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ และทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการคนท้องไตรมาสที่สามเพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับอาการเหล่านั้น [embed-health-tool-due-date] อาการคนท้องไตรมาสที่สาม ไตรมาสที่สามเป็นช่วงสุดท้ายของการตั้งครรภ์ อาจมีปัญหาด้านขนาดน้ำหนักตัวและการเปลี่ยนแปลงของร่างกายที่ทำให้รู้สึกไม่สบายตัว ขนาดหน้าท้องที่ขยายใหญ่ขึ้น และตำแหน่งของทารกในครรภ์ที่พร้อมจะลืมตาดูโลก รวมทั้งภาวะต่าง ๆ ทางด้านอารมณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้เนื่องจากความกังวลใจและความตื่นเต้นเนื่องจากใกล้คลอด ดังนั้น ในช่วงไตรมาสที่สามควรพยายามทำใจให้สงบเพื่อเตรียมตัว พยายามมองโลกในแง่ดี ทำจิตใจให้สบายเข้าไว้ ทั้งนี้ อาการคนท้องไตรมาสที่สาม ประกอบด้วย มดลูกหดตัว   ภาวะมดลูกหดตัว หรือ“Braxton Hicks contractions” หญิงตั้งครรภ์บางรายอาจรู้สึกถึงการหดตัวของมดลูกซึ่งอาจเกิดขึ้นบ่อยหรืออาจเกิดขึ้นในบางช่วงเวลา เช่น เกิดขึ้นตอนบ่ายหรือตอนเย็น หลังออกกำลังกาย หลังมีเพศสัมพันธ์ หรือหลังจากการทำกิจกรรมต่าง ๆ โดยการหดรัดตัวจะไม่สม่ำเสมอ ไม่เจ็บ และเมื่อใกล้กำหนดคลอด มดลูกจะเริ่มหดตัวมากขึ้นและบ่อยขึ้น ปวดหลัง ฮอร์โมนการตั้งครรภ์จะเข้าไปคลายเนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่ยึดติดกับกระดูก โดยเฉพาะบริเวณอุ้งเชิงกราน จึงทำให้มีอาการปวดหลังเวลานั่ง เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดหลัง ควรเลือกเก้าอี้ที่รองรับหลังส่วนล่าง สวมรองเท้าส้นเตี้ยที่สามารถรองรับเท้าได้ดี และออกกำลังกายเพื่อเตรียมความพร้อมในการคลอด หายใจถี่ ช่วงไตรมาสที่สามอาจเป็นลมได้ง่าย และมีอาการเหนื่อยมากขึ้น ดังนั้นจึงควรฝึกเคลื่อนไหวและใช้ท่าทางที่เหมาะสมในการทำกิจกรรมต่าง ๆ หลีกเลี่ยงการยกของหนัก การออกกำลังกายหักโหม เพื่อให้สามารถหายใจได้สะดวก ไม่หอบเหนื่อยจนเกินไป กรดไหลย้อน ฮอร์โมนตั้งครรภ์ส่งผลต่อกล้ามเนื้อหูรูดระหว่างกระเพาะอาหารและหลอดอาหาร ทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนเข้าสู่หลอดอาหาร เกิดอาการเสียดท้อง เพื่อป้องกันอาการกรดไหลย้อน ควรรับประทานอาหารมื้อเล็กบ่อย ๆ แทนการรับประทานอาหารมื้อใหญ่ หลีกเลี่ยงอาหารทอด ผลไม้รสเปรี้ยว […]


ไตรมาสที่ 3

คนท้องไตรมาสที่3 กับพัฒนาการทารกและการดูแลสุขภาพที่ควรรู้

การตั้งครรภ์แบ่งออกเป็น 3 ไตรมาส ไตรมาสที่ 3 เริ่มจากสัปดาห์ที่ 28 และทารกจะถือว่าครบกำหนดคลอดในสัปดาห์ที่ 40 เวลานี้อาจเป็นช่วงเวลาที่ท้าทายมากสำหรับทั้งมารดาที่จะคลอดและทารกในครรภ์ และนี่คือสิ่งที่ คนท้องไตรมาสที่3 ควรรู้ เพื่อจะได้ดูแลตัวเองและลูกน้อยได้อย่างถูกต้องเหมาะสม [embed-health-tool-due-date] เรื่องควรรู้สำหรับ คนท้องไตรมาสที่3 ในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์นี้ มีสิ่งที่ต้องทำหลายประการ เริ่มตั้งแต่การส่งต่องานที่รับผิดชอบให้ผู้อื่นดูแลแทนสำหรับคุณแม่ที่ทำงานประจำ ไปจนถึงการเตรียมคลอด สำหรับการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายของคนท้องไตรมาสที่ 3 นี้ คุณแม่จะมีครรภ์ใหญ่ขึ้น มือและเท้าอาจบวม จนแทบไม่อยากเคลื่อนไหวร่างกาย แต่ทราบหรือไม่ว่า ทารกในครรภ์ก็กำลังทำงานที่สำคัญบางประการอยู่ภายในครรภ์เช่นกัน ในช่วงเริ่มต้น ไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ อวัยวะต่าง ๆ ของเด็กจะก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างอย่างเต็มที่แล้ว แต่ยังไม่เจริญเติบโตเพียงพอที่จะทำงานได้ด้วยตัวเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไปจนถึงช่วงสุดท้ายของการตั้งครรภ์ หรือช่วงใกล้คลอด อวัยวะต่าง ๆ ของทารก เช่น สมอง ปอด ดวงตา หัวใจ จะเจริญเติบโตอย่างเต็มที่ เมื่อเริ่มต้นไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ ทารกน้อยในครรภ์จะเริ่มลืมตาได้แล้ว และในสัปดาห์ถัดไป กระดูกจะเจริญเติบโตเต็มที่ ในสัปดาห์ที่ 31 ระบบประสาทส่วนกลางของลูกน้อย จะสามารถเริ่มต้นควบคุมอุณหภูมิของร่างกายได้ […]


ไตรมาสที่ 3

พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 42

พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 42 ทารกในครรภ์มักมีขนาดเท่าแตงโมลูกใหญ่ และถือว่าทารกอยู่ในครรภ์นานเกินกำหนดคลอด แต่ทั้งนี้ การตั้งครรภ์นานเกินปกติไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าทารกในครรภ์ผิดปกติ และถึงแม้ทารกน้อยจะมีขนาดตัวใหญ่โตเพียงใด ยังสามารถคลอดได้อย่างปลอดภัย แต่หากคุณแม่ยังไม่มีสัญญาณเตือนว่าจะคลอดในเร็ววัน คุณหมออาจจำเป็นต้องเร่งคลอดหรือผ่าคลอดเพื่อความปลอดภัยของคุณแม่และทารกในครรภ์ [embed-health-tool-due-date] พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 42 ลูกจะเติบโตอย่างไร เมื่อถึงปลายสัปดาห์ที่ 42 การตั้งครรภ์จะถือว่าเกินกำหนดแล้ว หรือการคลอดล่าช้า แต่ทั้งนี้ การตั้งครรภ์นานเกินปกติไม่ใช่ข้อบ่งชี้ว่าทารกในครรภ์ผิดปกติ ที่จริงแล้ว ทารกส่วนใหญ่ไม่ได้คลอดในวันครบกำหนดที่ประมาณเอาไว้ แต่มักจะคลอดก่อนหรือหลังกำหนดคลอดประมาณ 2 สัปดาห์ การที่ทารกไม่คลอดตามกำหนดเวลา จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลแต่อย่างใด ในช่วงเวลานี้ ทารกในครรภ์มักมีขนาดเท่าแตงโมลูกใหญ่ แต่ถึงแม้ทารกน้อยจะมีขนาดตัวใหญ่โตเพียงใด ยังสามารถคลอดได้อย่างปลอดภัย อย่างไรก็ตาม ทารกที่คลอดเกินกำหนดวันคลอดมักจะมีลักษณะเฉพาะบางอย่าง เช่น ผมและเล็บที่ยาวกว่าปกติ ผิวอาจจะเหี่ยวและย่นหรือมีรอยแตก แต่สภาวะของผิวดังกล่าวนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นแค่เพียงชั่วคราว เนื่องจากไขมันที่ห่อหุ้มและปกป้องทารกขณะอยู่ในครรภ์หลุดลอกออกไปก่อน ตั้งแต่ช่วงที่คุณหมอประมาณการไว้ว่าจะเป็นวันกำหนดคลอด ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและรูปแบบการใช้ชีวิต ร่างกายจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง ในสัปดาห์ที่ 42 ของการตั้งครรภ์ คุณแม่มักประสบกับอาการแบบเดียวกับในสัปดาห์ก่อนหน้านี้ เช่น เป็นตะคริวที่ขา นอนไม่ค่อยหลับ ปวดหลัง เป็นริดสีดวง ปัสสาวะบ่อย ปวดเกร็งเป็นครั้งคราว และอาจเกิดความเครียดได้ง่าย เนื่องจากความคาดหวังว่าตัวเองควรจะต้องคลอดแล้ว อย่างไรก็ตาม คุณแม่ควรทำใจให้สบาย เพราะมีแนวโน้มที่จะคลอดในปลายสัปดาห์นี้ ควรสังเกตอาการเจ็บท้องคลอดและสัญญาณเตือนคลอดต่าง ๆ เช่น มีเลือดหรือมูกเลือดออกจากช่องคลอด น้ำเดิน […]


ไตรมาสที่ 3

พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 41

พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 41 จะมีสุขภาพร่างกายที่สมบูรณ์เต็มที่แล้ว เนื่องจากใช้เวลาเจริญเติบโตอยู่ในครรภ์นาน และคุณหมออาจจำเป็นต้องเร่งคลอดในทารกบางรายที่มีข้อบ่งชี้ เพราะหากปล่อยไว้นานเกิน 42 สัปดาห์อาจเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพทั้งมารดาและทารกอีกด้วย [embed-health-tool-due-date] พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 41 ลูกจะเติบโตอย่างไร สำหรับพัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 41 ทารกมักมีขนาดเท่าลูกขนุนและมีพัฒนาการเจริญเติบโตเต็มที่พร้อมที่จะออกมาเผชิญโลกกว้างแล้ว โดยขนาดตัวจะยาวประมาณ 52.2 เซนติมาตร หากยังคงอยู่ในครรภ์มารดาต่อไป อวัยวะต่าง ๆ ก็จะมีการพัฒนาต่อ ส่วนผม คิ้ว ขนตา เล็บมือและเท้า จะมีความยาวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม โดยปกติแล้วคุณหมอจะไม่ปล่อยให้ทารกอยู่ในครรภ์เกินกำหนดคลอดนานเกิน 2 สัปดาห์ เพราะการทำงานของรกอาจลดลง อีกทั้งน้ำคร่ำอาจเริ่มลดปริมาณลง ยิ่งปล่อยให้ทารกอยู่ในครรภ์นานมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพมากเท่านั้น ทารกที่คลอดใน 42 สัปดาห์ หรือเกินกว่านั้น อาจมีผิวแห้ง ผิวเหี่ยวย่น ผิวลอก เล็บยาว ผมยาว และมีไขมันเคลือบตัวน้อยกว่า ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและรูปแบบการใช้ชีวิต ร่างกายจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เมื่อทารกอยู่ในครรภ์จนเกินกำหนดคลอด คุณแม่และคนใกล้ตัวอาจจะเป็นกังวล แต่ก็ไม่ต้องตกใจไป เพราะถึงอย่างไร ก็ยังมีโอกาสสูงมากที่คุณแม่จะคลอดภายในสัปดาห์นี้ หากคุณแม่ยังไม่มีอาการเจ็บท้องคลอด ภายในสัปดาห์ที่ 42 จะถือว่าเป็นการตั้งครรภ์เกินกำหนด และคุณหมอจะต้องเร่งทำคลอด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการตั้งครรภ์ สัปดาห์ที่ 41 ควรระมัดระวังอะไรบ้าง ภาวะตั้งครรภ์เกินกำหนด พบได้ประมาณ 5-6 […]


ไตรมาสที่ 3

พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 37 ของการตั้งครรภ์

สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ หรือครอบครัวที่เตรียมมีลูก เชื่อว่าสิ่งหนึ่งที่ว่าที่คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ต้องอยากรู้แน่นอนก็คือ พัฒนาการของทารกในครรภ์ในแต่ละช่วงเวลา นี่คือสิ่งที่คุณแม่ควรรู้เกี่ยวกับ พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 37 พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 37ลูกจะเติบโตอย่างไร ตอนนี้ลูกของคุณมีอายุได้ 37 สัปดาห์แล้ว และกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ลูกน้อยของคุณมีขนาดตัวเท่ากับทุเรียน โดยมีความยาวจากศีรษะถึงปลายเท้าประมาณ 48 เซนติเมตร และหนักประมาณ 2.85 กิโลกรัม ตอนนี้ลูกน้อยของคุณมีการพัฒนามากพอจะขยับนิ้วมือได้แล้ว และถึงแม้จะยังอยู่ในมดลูก แต่หากมีแสงจ้า ๆ มาส่องบริเวณหน้าท้องของคุณ ลูกน้อยก็จะหันหน้าตามแสง แต่ทารกน้อยยังต้องใช้เวลาอีก 2-3 สัปดาห์ในการพัฒนาให้โตเต็มที่ ถ้าคุณวางแผนจะผ่าคลอด ควรนัดคุณหมอทำการผ่าคลอดในช่วงหลังสัปดาห์ที่ 39 ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและรูปแบบการใช้ชีวิตร่างกายจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง คุณจะเริ่มรู้สึกถึงการบีบรัดตัวของมดลูก หรืออาการเจ็บครรภ์หลอก ซึ่งอาการเช่นนี้ถือเป็นอาการปกติ คุณจึงไม่ต้องกังวลอะไร แค่เฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด หากมีการบีบรัดตัวมากขึ้นและนานขึ้น อาจทำให้คุณรู้สึกไม่สบายตัวได้ ในช่วงเวลานี้คุณอาจนอนหลับได้ยากขึ้น ถ้าเป็นไปได้ก็ควรหาเวลางีบหลับในตอนกลางวัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มพลังงานให้คุณได้ นอกจากนี้ ในช่วงนี้คุณอาจฝันเป็นเรื่องเป็นราวมากขึ้นด้วย ซึ่งเป็นอาการปกติ ชีวิตของคุณกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ความวิตกกังวลว่าอะไรจะเกิดขึ้นในช่วงคลอดลูกและการเป็นคุณแม่ อาจทำให้คุณเก็บไปฝันได้บ่อย ๆ ในระหว่างที่มีการเปลี่ยนแปลงทางร่ายกายเกิดขึ้นกับคุณนั้น ก็อย่าลืมเฝ้าสังเกตการเคลื่อนไหวของลูกน้อยด้วย โดยคุณสามารถรู้สึกได้ถึงการยืดตัว กลิ้งตัว และการกระดิกตัวของลูกน้อย หากสังเกตเห็นว่าลูกเคลื่อนไหวน้อยลง ควรแจ้งให้คุณหมอทราบทันที ควรระมัดระวังอะไรบ้าง ในช่วงเดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์นั้น หากมีสัญญาณและอาการของการคลอดก่อนกำหนดเหล่านี้ ควรรีบติดต่อคุณหมอทันที คุณมีเลือดออก หากมีอาการเลือดออกไม่ว่าจะในช่วงเวลาไหนของการตั้งครรภ์ คุณก็ควรไปพบคุณหมอทันที […]


ไตรมาสที่ 3

พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 28

พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 28 ทารกในครรภ์มักมีน้ำหนักประมาณ 1 กิโลกรัม และยาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าวัดได้ประมาณ 38 เซนติเมตร เป็นช่วงสัปดาห์ที่ทารกอาจกลับหัวเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด ในบางรายทารกอาจยังไม่กลับหัว แต่ไม่ใช่เรื่องผิดปกติแต่อย่างใด เพราะยังมีเวลาเหลืออีกประมาณ 10 สัปดาห์ที่ทารกอาจเปลี่ยนท่าทางเตรียมพร้อมสำหรับการคลอด [embed-health-tool-due-date] พัฒนาการทารกในครรภ์ สัปดาห์ที่ 28 ลูกจะเติบโตอย่างไร ในช่วงการตั้งครรภ์ ของสัปดาห์ที่ 28 นี้ ทารกในครรภ์มักมีขนาดเท่ากับมะเขือยาวลูกใหญ่ ซึ่งจะหนักประมาณ 1 กิโลกรัม และยาวประมาณ 38 เซนติเมตร โดยวัดตั้งแต่ศีรษะถึงปลายเท้า ทารกอาจเริ่มกลับหัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับคลอด หากทารกยังไม่กลับหัว ไม่ใช่เรื่องผิดปกติ เพราะยังมีระยะเวลาอีกประมาณ 10 สัปดาห์ก่อนคลอดที่ทารกสามารถเปลี่ยนท่าทางและกลับตัวได้เอง หากพบว่าทารกไม่กลับหัวเมื่อใกล้คลอด คุณหมออาจแนะนำการผ่าคลอด นอกจากนี้ รอยหยักสมองของทารกในครรภ์ยังคงพัฒนาและเติบโตอย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญยังมีชั้นไขมันและเส้นผมยังมีการเจริญเติบโตเช่นเดียวกันอีกด้วย ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายและรูปแบบการใช้ชีวิต ร่างกายจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง คุณหมออาจตรวจเลือดในช่วงแรก ๆ ของการตั้งครรภ์ เพื่อทำการหากรุ๊ปเลือด Rh ซึ่งเป็นสสารชนิดหนึ่งที่พบในเซลล์เม็ดเลือดแดงของคนส่วนใหญ่ หากหญิงตั้งครรภ์มีกรุ๊ปเลือด Rh negative แต่ทารกมีกรุ๊ปเลือด Rh positive ทารกอาจมีแนวโน้มเกิดปัญหาสุขภาพ อย่างเช่น โรคโลหิตจาง คุณหมออาจฉีดวัคซีนที่มีชื่อเรียกว่า Rh […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

คุณกำลังกังวลเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ใช่หรือไม่?

หยุดกังวลได้แล้ว มาเข้าชุมชนสนทนาเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ และแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และว่าที่คุณแม่คนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!


advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม