แม่ต้องจำไว้ว่าลูกยังไม่สามารถจดจำสิ่งที่เราพูดได้ ฉะนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือ การใช้คำพูดง่าย ๆ ว่า “ไม่” ซึ่งจะทำให้เด็กเข้าใจว่าลูกจะไม่สามารถทำสิ่งนั้นได้
เด็กส่วนใหญ่จะชอบเล่นจ๊ะเอ๋มาก และการเล่นแบบนี้จะช่วยส่งเสริมให้ลูกรับรู้ได้ว่า มีผู้คนรอบ ๆ ตัวลูกอยู่ตั้งมากมาย
สุขภาพและความปลอดภัย
ควรปรึกษาคุณหมออย่างไร
หมอส่วนใหญ่จะไม่มีการนัดหมายในช่วงเดือนนี้ ถ้าคิดในแง่ที่ดีคือเด็กยังไม่มีอาการอะไรที่น่าเป็นห่วง แต่ในทางกลับกัน อาจจะไม่ทราบว่าลูกมีพัฒนาการไปถึงไหนแล้ว แม่ควรจดบันทึกข้อสงสัยปรึกษากับหมอในครั้งถัดไป และหากเกิดปัญหาหรือถ้ามีข้อกังวลใด ๆ เป็นพิเศษ แนะนำว่าควรโทรปรึกษาหมอทันที ไม่ควรรอจนถึงการนัดครั้งถัดไป
สิ่งที่ควรรู้
ภาวะโลหิตจาง
ภาวะโลหิตจางเกิดจากปริมาณเม็ดเลือดแดงในร่างกายต่ำ ส่งผลให้จำนวนฮีโมโกลบินในเลือดต่ำลง (ฮีโมโกลบินคือสารสีแดงทำหน้าที่นำออกซิเจนเข้าสู่เนื้อเยื่อต่าง ๆ และรับคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเกิดจากการเผาผลาญอาหารจนกลายเป็น ‘เลือดดำ’ ไปส่งให้ปอด เพื่อทำการฟอกให้เป็นเลือดแดง) ภาวะโลหิตจางทำให้ร่างกายอ่อนแอ ผู้ป่วยจึงมักมีอาการอ่อนเพลีย
ภาวะโลหิตจางเกิดได้จากหลายสาเหตุ รวมถึงภาวะขาดสารอาหาร ภาวะผิดปกติทางพันธุกรรม การใช้ยา การติดเชื้อ และโรคเรื้อรังต่าง ๆ ส่วนสาเหตุที่พบมากที่สุดสำหรับภาวะโลหิตจางในเด็กก็คือ การขาดธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นผลมาจากการรับประทานธาตุเหล็กไม่เพียงพอ การที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมธาตุเหล็กได้อย่างเหมาะสม หรือการมีเลือดออกเรื้อรัง เช่น ภาวะเลือดออกในลำไส้ ภาวะโลหิตจางบางชนิดเกิดจากการถ่ายทอดทางพันธุกรรม เช่น โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว
แม้ว่าทารกที่คลอดก่อนกำหนดมักจะมีภาวะโลหิตจางตั้งแต่กำเนิด แต่ทารกที่คลอดตามปกติก็ควรได้รับธาตุเหล็กเพิ่มเช่นกัน ในช่วง 6 เดือนแรกนั้น ปริมาณธาตุเหล็กจะลดลงอย่างรวดเร็ว จึงต้องเพิ่มอาหารที่มีธาตุเหล็กให้พอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย บางครั้งในช่วงระหว่างเดือนที่ 9 ถึงเดือนที่ 13 ที่แม่ต้องพาลูกน้อยไปตรวจสุขภาพ คุณหมอจะทำการตรวจเช็คปริมาณฮีโมโกลบิน เพื่อดูว่าลูกน้อยอยู่ในภาวะโลหิตจางหรือเปล่า
อาการของภาวะโลหิตจาง ได้แก่ อาการอ่อนเพลีย ไม่สบาย เบื่ออาหาร ริมฝีปากและผิวซีด ซึ่งถ้ามีภาวะโลหิตจางในขั้นรุนแรงก็อาจมีอาการหายใจถี่ เป็นโรคหัวใจ มีปัญหาทางด้านร่างกายและจิตใจ ที่ก่อให้เกิดความเสียหายอย่างถาวร และทำให้เด็กรู้สึกอ่อนไหวมากขึ้น และอาจนำไปสู่อาการเป็นพิษได้
ถ้าผลการตรวจเลือดระบุว่าเด็กขาดธาตุเหล็ก หมออาจแนะนำให้เปลี่ยนอาหารหรือให้กินอาหารเสริม แต่การใช้อาหารเสริมพวกนี้ควรอยู่ภายใต้การดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ การให้ธาตุเหล็กเกินขนาดก็ทำให้ส่งผลที่เป็นอันตรายร้ายแรงต่อเด็กได้เช่นกัน
แม่สามารถป้องกันและให้การรักษาภาวะโลหิตจางเนื่องจากขาดธาตุเหล็กได้ โดยการให้ลูกน้อยได้รับอาหารเสริมธาตุเหล็กที่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย และนี่คือสิ่งที่แม่ควรทำ
- พิจารณาว่าลูกน้อยมีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคโลหิตจางหรือไม่ ซึ่งปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคนี้ ได้แก่ การคลอดก่อนกำหนด การมีน้ำหนักตัวแรกเกิดน้อย
- แม่ควรปรึกษาคุณหมอ เพื่อขอคำแนะนำในการปรับอาหาร หรือใช้ผลิตภัณฑ์เสริมธาตุเหล็กกับลูกน้อย
- ควรให้นมแม่แก่ทารกให้นานที่สุด นมแม่ประกอบด้วยธาตุเหล็ก ซึ่งดูดซึมง่ายกว่าจากอาหารประเภทอื่น ๆ
- หากลูกอายุน้อยกว่า 1 ขวบ ก็ไม่ควรให้ดื่มนมวัว เนื่องจากมีส่วนประกอบของธาตุเหล็กในปริมาณต่ำ และอาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองในลำไส้ได้
- เมื่อลูกอายุครบ 8 เดือน ควรเริ่มให้กินซีเรียลเสริมธาตุเหล็ก รวมทั้งอาหารอื่น ๆ ที่มีธาตุเหล็กสูง เช่น ถั่ว ผักโขม ไข่แดง เนื้อแดง ไก่ ปลา
- ควรให้อาหารที่มีวิตามินซีสูงกับลูกน้อยด้วย เพราะจะช่วยทำให้ร่างดูดซึมธาตุเหล็กได้ดีขึ้น อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินซี ได้แก่ พริกหยวกแดง มะละกอ แคนตาลูป บร็อคโคลี่ สตรอว์เบอร์รี่ และส้ม
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย