ปัญหาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ การใช้ยาเสพติด
การดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ การสูบบุหรี่ และการใช้สารเสพติด เป็นพฤติกรรมที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพของคนทุกเพศทุกวัย รวมถึงผู้ที่เป็นเลสเบี้ยนด้วย พฤติกรรมดังกล่าวอาจเกิดจากความเครียดและความวิตกกังวลเพราะแรงกดดันทางสังคม การถูกกดขี่ ค่านิยมที่ไม่ยอมรับเพศทางเลือก เลสเบี้ยนบางคนจึงอาจเลือกระบายความเครียดด้วยการดื่มเครื่องดื่มแอลกฮอล์ การสูบบุหรี่ และการใช้สารเสพติด
การดื่มแอลกอฮอล์อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคมะเร็ง (เช่น โรคมะเร็งปอด โรคมะเร็งลำคอ โรคมะเร็งลำไส้เล็ก โรคมะเร็งปากมดลูก) ทำให้มีภาวะสุราเป็นพิษเนื่องจากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป ทำให้เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ ทั้งยังอาจทำให้มีพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ยงส่งผลเสียต่อสุขภาพ เช่น การมีเซ็กส์โดยไม่ป้องกัน การมีคู่นอนหลายคน ซึ่งอาจทำให้เกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้ ส่วนการใช้สารเสพติดอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เสี่ยงมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม มีปัญหาในการนอนหลับ เสี่ยงติดเชื้อหากใช้เข็มฉีดยาร่วมกัน และหากใช้สารเสพติดในระยะยาว ก็อาจทำให้อวัยวะหลายส่วนในร่างกาย เช่น คอ กระเพาะอาหาร ปอด ตับ ตับอ่อน หัวใจ สมอง ระบบประสาท เสียหายถาวรได้
โรคหัวใจ
โรคหัวใจเป็นหนึ่งในสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของผู้หญิง โดยโรคอ้วน ภาวะคอเลสเตอรอลในเลือดสูง ภาวะความดันโลหิตสูง ความเครียด และการสูบบุหรี่ อาจเป็นปัจจัยเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ รวมถึงโรคที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด นอกจากนี้ โรคหัวใจยังอาจเกิดขึ้นได้จากปัจจัยทางร่างกายที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น อายุ กรรมพันธุ์ อย่างไรก็ตาม การป้องกันปัจจัยเสี่ยง เช่น ภาวะน้ำหนักเกิน โรคอ้วน อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคอ้วน
โรคอ้วนเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพมากมาย เช่น โรคหัวใจ โรคมะเร็งปากมดลูก โรคมะเร็งรังไข่ โรคมะเร็งเต้านม โรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร International Journal of Environmental Research and Public Health เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2562 ทำการวิจัยเกี่ยวกับภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนในประชากรผู้ใหญ่ที่เป็นเพศทางเลือกในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่า ผู้หญิงที่เป็นเลสเบี้ยนและไบเซ็กชวลมีความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำหนักเกินและโรคอ้วนมากกว่าผู้หญิงที่ชอบเพศตรงข้าม
โรคกระดูกพรุน
ผู้หญิงมีความเสี่ยงในการเกิดโรคกระดูกพรุนมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนที่เกิดขึ้นในวัยหมดประจำเดือน เช่น การหลั่งฮอร์โมนเอสโตรเจนน้อยลง อาจส่งผลต่อความหนาแน่นของมวลกระดูก ทำให้กระดูกอ่อนแอและสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็ว จนเสี่ยงเกิดภาวะกระดูกแตกหัก หรือเป็นโรคกระดูกพรุนได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย