โดยปกติแล้ว อาจเลือกผลิตภัณฑ์ที่ระบุว่า ไม่ทำให้เกิดสิวอุดตันหรือสิวอักเสบ (Noncomedogenic และ Non-Acnegenic) ซึ่งไม่ทำให้เกิดสิวหัวเปิดหรือสิวหัวปิด อาจมีส่วนประกอบของสารสำคัญที่ช่วยลดความมันบนใบหน้า เช่น แอร์ลิเซียม (Airlicium) คาร์โนซีน (Carnosine) ซิงก์ (Zinc) หรือสารที่มีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของเชื้อแบคทีเรีย เช่น พิร็อกโทน โอลาไมน์ (Piroctone Olamine)
นอกจากนี้ ไม่ควรใช้คลินดามัยซินหรืออิริโทรมัยซินทาอย่างเดียว เพราะมีความเสี่ยงต่อการเกิดเชื้อดื้อยา ควรใช้ร่วมกับบนโซอิลเพอร์ออกไซด์
สิวปานกลาง (Moderate Acne)
เป็นระยะที่เริ่มมีสิวอักเสบเกิดขึ้นซ้ำ ๆ ในระยะนี้คุณหมออาจแนะนำให้ใช้ยาทาที่ใช้กับระดับสิวเล็กน้อย ร่วมกับยารับประทาน คือ ยาในกลุ่มเตตราไซคลีน (Tetracycline) แต่ถ้าแพ้ยาในกลุ่มเตตราไซคลีนอาจใช้อิริโทรมัยซินแทน
สิวรุนแรง (Severe Acne)
ในระยะนี้จะเกิดสิวหลายชนิดรวมกันทั้งสิวอุดตัน สิวอักเสบและสิวประเภทอื่น ๆ รวมทั้งยังอาจขยายบริเวณจากใบหน้า ลามไปถึงแผ่นหลัง แผ่นอก หรือสะโพกอีกด้วย ดังนั้น ควรปรึกษาคุณหมอในกรณีที่การรักษาที่ไม่ตอบสนองด้วยวิธีรักษาสิวแบบมาตรฐานใน 2-3 เดือน
การดูแลผิวหลัง การรักษาสิว
เมื่อสิวหายไปแล้วก็อาจมีปัญหาอื่น ๆ ตามมา เช่น รอยแดง รอยดำ หลุมแผลเป็น แผลเป็นนูน ซึ่งอาจเกิดจากสิวอักเสบและสิวหัวดำ โดยการดูแลรักษารอยสิวก็อาจมีหลายวิธี เช่น
- การใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเรตินอยด์ (Retinoids) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิวและลดจุดด่างดำจากรอยแผลสิว
- การใช้ครีมลดรอยสิวที่มีส่วนประกอบของโปรซีหลาด (Procerad) วิตามินอี วิตามินซี อาร์บูติน กลูต้าไธโอน โคจิก ทรานซามิค ซึ่งอาจช่วยลดรอยดำ รอยแดงที่เกิดจากสิว
- การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว เช่น กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids หรือ AHA)
การรักษาสิวและรักษารอยสิวนั้นเป็นการรักษาที่ต้องใช้เวลา และผู้ป่วยจำเป็นต้องดูแลรักษาตัวเองทั้งในระหว่างที่เป็นสิวและหลังจากการรักษา นอกจากนี้ ควรศึกษาครีมรักษาสิวหรือผลิตภัณฑ์ที่ใช้ร่วมในการรักษาสิวด้วย เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งลดการเกิดสิวเพิ่มในอนาคต
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย