หากสมาชิกในครอบครัวคุณมีแนวโน้มเกิดรอยช้ำง่าย คุณก็มีโอกาสเกิดรอยช้ำได้ง่ายเช่นกัน โดยเฉพาะเมื่อคุณเป็นผู้หญิง เพราะหลอดเลือดเปราะแตกง่ายกว่า จึงทำให้เกิดรอยช้ำง่ายกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในบริเวณต้นแขน ต้นขา หรือก้น
5. ถูกทำร้ายจากแสงแดด
ร่างกายเราควรได้รับแสงแดดอย่างเพียงพอ เพราะแสงแดดมีส่วนช่วยในการผลิตวิตามินดี และช่วยให้ระบบต่างๆ ในร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติ แต่หากคุณได้รับแสงแดดมากเกินไป โดยเฉพาะรังสียูวีบี (UVB) ที่ทำให้ผิวไหม้แดด และสูญเสียความยืดหยุ่น ทั้งยังทำให้หลอดเลือดฝอยใต้ชั้นผิวหนังของคุณอ่อนแอลง จนทำให้คุณเกิดรอย ฟกช้ำ ได้ง่ายและเห็นได้ชัดเจนขึ้นนั่นเอง รอยช้ำที่เกิดจากแสงแดดนี้จะแตกต่างจากรอยช้ำที่เกิดจากการกระแทก เมื่อกดลงไปจะไม่นิ่มบุ๋ม และใช้เวลาในการรักษานานกว่า ส่วนใหญ่จะปรากฏที่มือและแขน
6. เป็นโรคเลือด
โรคเลือด เช่น โรคเลือดไหลไม่หยุด หรือฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) เป็นสาเหตุให้เลือดไม่ค่อยแข็งตัว จึงทำให้คุณเกิดรอยช้ำบ่อยๆ โดยไม่ทราบสาเหตุ ฉะนั้น หากคุณเกิดรอยช้ำกะทันหัน หรือมีรอยช้ำแบบไม่รู้ที่มาที่ไปบ่อยๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์ทันที
7. ออกกำลังกายหนักเกินไป
บางครั้งการออกกำลังกายแบบเข้มข้นหรือหนักหน่วง เช่น การยกน้ำหนัก การวิ่งมาราธอน อาจทำให้กล้ามเนื้อของคุณทำงานหนักและตึงเกินไป จนเป็นเหตุให้หลอดเลือดแดงฉีกขาดและเกิดเป็นรอยช้ำได้ในที่สุด อีกทั้งการออกกำลังกายยังทำให้เกิดการฉีกขาดในระดับเนื้อเยื่อของเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ ซึ่งสามารถทำให้เกิดรอยช้ำได้เช่นกัน และนอกจากเรื่องของกล้ามเนื้อที่กล่าวมาแล้ว ระหว่างออกกำลังกาย คุณอาจเผลอกระแทกกับอุปกรณ์ต่างๆ จนเกิดเป็นรอยช้ำได้ด้วย
8. ดื่มหนัก
การเกิดรอย ฟกช้ำ เพราะดื่มหนักในที่นี่ไม่ได้หมายถึงการที่คุณดื่มแอลกอฮอล์หนักจนเมาแล้วเผลอชนโน่นนี่จนเป็นรอยช้ำ แต่การที่คุณดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไปแล้วเกิดรอยช้ำง่าย นั่นอาจเป็นสัญญาณว่า ตับของคุณกำลังมีปัญหา เช่น โรคตับแข็ง เพราะตับมีหน้าที่สร้างโปรตีนที่จำเป็นต่อการแข็งตัวของเลือด เมื่อตับทำงานผิดปกติ ไม่สร้างโปรตีนตามที่ควร คุณจึงมีเลือดออกหรือมีรอยช้ำง่ายกว่าปกติ ถือเป็นอาการเจ็บป่วยร้ายแรงควรรีบปรึกษาแพทย์
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย