backup og meta

อบเชย ประโยชน์ และข้อควรระวังในการบริโภค

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย นายแพทย์ภควัต ตั้งจาตุรนต์รัศมี · โภชนาการเพื่อสุขภาพ · โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 01/10/2022

    อบเชย ประโยชน์ และข้อควรระวังในการบริโภค

    อบเชย เป็นเครื่องเทศชนิดหนึ่งที่ให้กลิ่นหอม และใช้เป็นยาสมุนไพรมานานนับพันปี มีลักษณะเป็นแท่งไม้แห้ง ๆ ขนาดสั้น นอกจากนั้น ยังมีการนำเปลือกอบเชยมาบดเป็นผงสีน้ำตาล ส่วนใหญ่นิยมใช้เป็นส่วนผสมในอาหารและขนม ในงานวิจัยหลายชิ้นระบุว่า อบเชยมีสารอาหาร แร่ธาตุ และวิตามินหลายชนิด เช่น แคโรทีน วิตามินเอ แคลเซียม โพแทสเซียม และให้ประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคมะเร็ง รักษาโรคอัลไซเมอร์

    คุณค่าทางโภชนาการของ อบเชย

    อบเชย 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 247 กิโลแคลอรี่ รวมถึงสารอาหารต่าง ๆ ดังนี้

  • คาร์โบไฮเดรต 80.6 กรัม
  • โปรตีน 3.99 กรัม
  • ไขมัน 1.24 กรัม
  • แคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม
  • โพแทสเซียม 431 มิลลิกรัม
  • ฟอสฟอรัส 64 มิลลิกรัม
  • แมกนีเซียม 60 มิลลิกรัม
  • โซเดียม 10 มิลลิกรัม
  • วิตามินซี 3.8 มิลลิกรัม
  • เบตา แคโรทีน (Beta Carotene) 112 ไมโครกรัม
  • นอกจากนี้ อบเชย ยังประกอบด้วยแร่ธาตุต่าง ๆ เช่น ซีลีเนียม (Selenium) ทองแดง สังกะสี แมงกานีส และวิตามินต่าง ๆ เช่น วิตามินเอ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 โฟเลต (Folate) วิตามินอี วิตามินเค

    ประโยชน์ของ อบเชย ต่อสุขภาพ

    อาจช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือด

    งานวิจัยชิ้นหนึ่ง ศึกษาเกี่ยวกับการลดระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดในร่างกายของผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เผยแพร่ในวารสาร Diabetes Care ปี พ.ศ. 2546 นักวิจัยแบ่งผู้เข้าร่วมการทดลองที่เป็นโรคเบาหวานจำนวน 60 รายออกเป็น 6 กลุ่ม โดย 3 กลุ่มแรก ให้บริโภคอบเชยในปริมาณ 1, 3 และ 6 กรัม/วัน ตามลำดับ ส่วนอีก 3 กลุ่มให้บริโภคยาหลอกในปริมาณ 1, 3 และ 6 กรัม/วัน เช่นกัน เป็นเวลา 40 วัน

    เมื่อสิ้นสุดการทดลอง นักวิจัยได้ตรวจร่างกายของผู้เข้าร่วมการทดลอง พบว่า ผู้เข้าร่วมทดลองทั้ง 3 กลุ่มที่บริโภคอบเชยมีระดับไตรกลีเซอไรด์ลดลง 23-30 เปอร์เซ็นต์ คอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ลดลง 7-27 เปอร์เซ็นต์ คอเลสเตอรอลรวมลดลง 12-26 เปอร์เซ็นต์ และน้ำตาลในเลือดระหว่างอดอาหารลดลง 18-29 เปอร์เซ็นต์ อย่างไรก็ตาม ยังเป็นงานวิจัยขนาดเล็ก ควรต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมต่อไป

    อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้

    สารซินนามาลดีไฮด์ (Cinnamaldehyde) ในอบเชย มีคุณสมบัติเพิ่มการดูดซึมน้ำตาลในเลือด กระตุ้นการตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินของเนื้อเยื่อไขมัน และช่วยปรับการทำงานของตับอ่อนให้เป็นปกติ

    ข้อควรระวังในการบริโภค อบเชย

    ข้อควรระวังในการบริโภคอบเชย มีดังนี้

    • อบเชยมีสารคูมาริน (Coumarin) ซึ่งหากบริโภคในปริมาณมากจะส่งผลเสียต่อสุขภาพตับดังนั้น จึงควรบริโภคอบเชยในปริมาณเล็กน้อยและด้วยความระมัดระวัง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับตับควรหลีกเลี่ยงการบริโภคอบเชย
    • การบริโภคอบเชยปริมาณมาก อาจก่อให้เกิดพิษต่อร่างกาย และอาจทำให้ปากหรือริมฝีปากมีอาการระคายเคือง หรือเป็นแผลพุพองได้
    • อบเชยอาจมีผลกระทบต่อการออกฤทธิ์ของยาบางชนิด ฉะนั้น ควรปรึกษาคุณหมอหากต้องการบริโภคอบเชย
    • หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในระยะให้นมบุตร ควรบริโภคอบเชยด้วยความระมัดระวัง และควรบริโภคอาหารให้ครบถ้วนและหลากหลาย

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    นายแพทย์ภควัต ตั้งจาตุรนต์รัศมี

    โภชนาการเพื่อสุขภาพ · โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 01/10/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา