backup og meta

โพแทสเซียม พบได้ในอาหารอะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 11/11/2022

    โพแทสเซียม พบได้ในอาหารอะไร และมีประโยชน์อย่างไรบ้าง

    โพแทสเซียม เป็นแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่พบได้ในอาหารจำพวกผักใบเขียว ธัญพืช และเนื้อสัตว์ ซึ่งมีส่วนช่วยควบคุมการทำงานของอวัยวะส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ หัวใจ เส้นประสาท ให้เป็นไปตามปกติ หากร่างกายขาดโพแทสเซียมอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ ดังนั้น จึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมในปริมาณที่เหมาะสม

    โพแทสเซียม คืออะไร

    โพแทสเซียม คือแร่ธาตุชนิดหนึ่งที่สำคัญต่อร่างกาย ซึ่งสามารถพบได้ในอาหารต่าง ๆ เช่น ผักใบเขียว ธัญพืชไม่ขัดสี ฟักทอง ถั่ว โยเกิร์ต เห็ด มันฝรั่ง และเนื้อสัตว์ต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีในรูปแบบอาหารเสริมเพื่อความสะดวกในการบริโภค แต่ควรปรึกษาคุณหมอก่อนรับประทานเพื่อลดความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้

    โพแทสเซียม พบได้ในอาหารอะไรบ้าง

    โพแทสเซียมสามารถพบได้ในอาหารทั่วไป แต่อาหารที่มีโพแทสเซียมสูง อาจมีดังนี้

    • ปลาแซลมอน 100 กรัม มีโพแทสเซียม 934 มิลลิกรัม
    • อัลมอนด์ 100 กรัม มีโพแทสเซียม 733 มิลลิกรัม
    • ลูกพรุนอบแห้ง 100 กรัม มีโพแทสเซียม 732 มิลลิกรัม
    • อินทผาลัม 100 กรัม มีโพแทสเซียม 696 มิลลิกรัม
    • เม็ดมะม่วงหิมพานต์ 100 กรัม มีโพแทสเซียม 660 มิลลิกรัม
    • เมล็ดทานตะวัน 100 กรัม มีโพแทสเซียม 645 มิลลิกรัม
    • ผักโขม 100 กรัม มีโพแทสเซียม 558 มิลลิกรัม
    • วอลนัท 100 กรัม มีโพแทสเซียม 441 มิลลิกรัม
    • มันฝรั่ง 100 กรัม มีโพแทสเซียม 413 มิลลิกรัม
    • เห็ดเข็มทอง 100 กรัม มีโพแทสเซียม 359 มิลลิกรัม
    • กล้วย 100 กรัม มีโพแทสเซียม 358 มิลลิกรัม
    • ผักคะน้า 100 กรัม มีโพแทสเซียม 348 มิลลิกรัม
    • ฟักทอง 100 กรัม มีโพแทสเซียม 340 มิลลิกรัม
    • แครอท 100 กรัม มีโพแทสเซียม 320 มิลลิกรัม
    • บร็อคโคลี่ 100 กรัม มีโพแทสเซียม 316 มิลลิกรัม
    • แคนตาลูป 100 กรัม มีโพแทสเซียม 267 มิลลิกรัม
    • หอยนางรม 100 กรัม มีโพแทสเซียม 250 มิลลิกรัม
    • มะเขือเทศ 100 กรัม มีโพแทสเซียม 218 มิลลิกรัม

    ประโยชน์ของโพแทสเซียมในอาหาร

    โพแทสเซียมในอาหาร มีประโยชน์ต่อสุขภาพที่อาจช่วยควบคุมการทำของกล้ามเนื้อ หัวใจ และระบบประสาท ช่วยรักษาสมดุลของน้ำและความเป็นกรด-ด่างในร่างกาย ควบคุมระดับความดันโลหิต อีกทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมอง โรคกระดูกพรุนและนิ่วในไต

    จากการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Advances in Nutrition เมื่อปี พ.ศ. 2556 ที่ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างโพแทสเซียมกับสุขภาพ พบว่า การรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงอาจช่วยป้องกันความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมองและนิ่วในไต อย่างไรก็ตาม ควรจำกัดปริมาณการบริโภคเกลือร่วมด้วย

    ยังมีอีกการศึกษาหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร  Nutrition Research and Practice ปี พ.ศ. 2563 ที่ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างการบริโภคโพแทสเซียมกับความหนาแน่นของมวลกระดูก และการป้องกันโรคกระดูกพรุนในผู้ใหญ่ชาวเกาหลี ที่ศึกษาในกลุ่มตัวอย่างทั้งหมด 8,732 คน (ผู้ชาย 3,590 คน ผู้หญิง 5,142 คน) อายุ 50 ปี ขึ้นไป โดยทำการสำรวจจากข้อมูลโภชนาการอาหารและวัดความหนาแน่นของมวลกระดูกบริเวณสะโพก ต้นขา และกระดูกสันหลังส่วนเอว พบว่า การบริโภคอาหารที่มีโพแทสเซียมสูงอาจช่วยเพิ่มมวลกระดูกและลดความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนอย่างมีนัยสำคัญ

    ข้อควรระวังการบริโภคโพแทสเซียม

    หากร่างกายได้รับโพแทสเซียมมากเกินไป อาจส่งผลให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง และท้องอืด ดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารที่มีโพแทสเซียมในปริมาณที่เหมาะสมตามช่วงอายุ ดังนี้

    • เด็กอายุ 0-6 เดือน ควรได้รับโพแทสเซียม 400 มิลลิกรัม/วัน
    • เด็กอายุ 7-12 เดือน ควรได้รับโพแทสเซียม 700 มิลลิกรัม/วัน
    • เด็กอายุ 1-3 ปี ควรได้รับโพแทสเซียม 3,000 มิลลิกรัม/วัน
    • เด็กอายุ 4-8 ปี ควรได้รับโพแทสเซียม 3,800 มิลลิกรัม/วัน
    • เด็กอายุ 9-13 ปี ควรได้รับโพแทสเซียม 4,500 มิลลิกรัม/วัน
    • เด็กอายุ 14 ปีขึ้นไป ควรได้รับโพแทสเซียม 4,700 มิลลิกรัม/วัน
    • ผู้ใหญ่อายุ 18 ปีขึ้นไป รวมถึงสตรีที่กำลังตั้งครรภ์ ควรได้รับโพแทสเซียม 4,700 มิลลิกรัม/วัน
    • สตรีที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรได้รับโพแทสเซียม 5,100 มิลลิกรัม/วัน

    ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต ผู้ป่วยโรคหัวใจ โรคเบาหวาน และผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร ควรปรึกษาคุณหมอก่อนรับประทานอาหารเสริมโพแทสเซียม เพื่อป้องกันภาวะความดันโลหิตต่ำ หัวใจเต้นผิดปกติ กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการโคม่าและอาจถึงแก่ชีวิต

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 11/11/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา