สูตรแยมบลูเบอร์รี่

บทความนี้ Hello คุณหมอ นำ สูตรแยมบลูเบอร์รี่ มาให้ทุกคนได้ลองทำกันดูค่ะ ขั้นตอนไม่ยุ่งยาก ใคร ๆ ก็สามารถทำได้แถมยังอร่อย มีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกด้วย  จะมีวิธีการทำและมีประโยชน์อย่างไรบ้างนั้น มาดูพร้อมกันเลย

แยมบลูเบอร์รี่ (Blueberry Jam) หอมอร่อย ละมุนลิ้น

ทราบหรือไม่คะว่าแยมบลูเบอร์รี่นั้นนอกจากจะนำมาทานคู่กับขนมปังแล้วยังสามารถนำมาทานคู่กับเมนูอื่น ๆ ได้อีกหลากหลายเมนูอย่างอร่อยลงตัว เช่น โรตี บิสกิต โยเกิร์ต คุกกี้ แพนเค้ก วาฟเฟิล

นอกจากนี้บลูเบอร์รี่ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักในการทำแยม อุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายอีกนับไม่ถ้วน  เช่น ป้องกันโรคหัวใจ ลดความดันโลหิต บำรุงสมอง สารต้านอนุมูลอิสระ

5 คุณประโยชน์จากบลูเบอร์รี่

ต่อต้านอนุมูลอิสระ

• บลูเบอร์รี่มีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ชนิดหนึ่งที่เรียกว่า แอนโธไซยานิน (Anthocyanin) เป็นสารประกอบพืชที่มีสรรพคุณต้านอนุมูลอิสระ

บำรุงกระดูกให้แข็งแรง

 ป้องกันมะเร็ง

• วิตามินซีและไฟโตนิวเทรียนท์ในบลูเบอร์รี่ มีส่วนในการช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันการก่อตัวของเซลล์มะเร็ง เช่น ป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งต่อมลูกหมาก

บรรเทาอาการท้องผูก

• บลูเบอร์รี่อุดมไปด้วยไฟเบอร์ (Fiber) ทำให้เรารู้สึกอิ่นนานขึ้นหลังรับประทานอาหาร ช่วยลดความอยากอาหาร นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันอาการท้องผูกและปรับสมดุลระบบย่อยอาหารอีกด้วย

 ป้องกันโรคหัวใจ

• บลูเบอร์รี่มีธาตุโพแทสเซียม วิตามินซี วิตามินบี 6 ไฟโตนิวเทรียนท์ และแอนโธไซยานินช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ จากการศึกษาของสถาบันสาธารณสุขฮาร์วาร์ด (Harvard School of Public Health) และมหาวิทยาลัยอีสต์แองเกลีย (University of East Anglia) พบว่าการบริโภคสารแอนโธไซยานินเป็นประจำสามารถลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจวายได้ถึง 32%

สูตรแยมบลูเบอร์รี่

ส่วนผสม

• บลูเบอร์รี่ 800 กรัม
• น้ำตาลทราย 500 กรัม
• น้ำมะนาว
• วนิลา

วิธีทำ

1. นำบลูเบอร์รี่มาล้างให้สะอาด เอาบลูเบอร์รี่ น้ำตาล วนิลา และน้ำมะนาว ใส่ลงในหม้อตั้งไฟกลาง ๆ
2. บดบลูเบอร์รี่เล็กน้อย นำไปเคี่ยวเป็นเวลา 30 นาที กวนไปเรื่อย ๆ จนเป็นเนื้อเดียวกัน
3. รอให้เย็นสนิท หลังจากนั้นนำตักใส่กระปุกไว้

เท่านี้ก็จะได้แยมบลูเบอร์รี่ หวานอมเปรี้ยว สีสวยน่ารับประทานไว้กินคู่กับขนมปังหรือเมนูอื่น ๆ อร่อยและดีต่อสุขภาพด้วย