backup og meta

Blood Sugar คือ อะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับโรคเบาหวาน

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์ · โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 25/01/2023

    Blood Sugar คือ อะไร เกี่ยวข้องอย่างไรกับโรคเบาหวาน

    Blood Sugar คือ การตรวจระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด ซึ่งเป็นแหล่งพลังงานที่สำคัญของร่างกาย โดยทั่วไป ระดับน้ำตาลในเลือดปกติจะต่ำกว่าหรือเท่ากับ 99 มิลลิกรัม/เดซิลิตร เมื่อตรวจหลังจากที่อดอาหารมาแล้วอย่างน้อย 8 ชั่วโมง หากมีระดับน้ำตาลสูงกว่านั้น จะหมายความว่าการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของร่างกายบกพร่องไป และอาจมีความเสี่ยงเป็นโรคเบาหวานหรือกำลังเป็นโรคเบาหวานได้

    Blood Sugar คือ อะไร

    Blood Sugar หรือระดับน้ำตาลในเลือด คือ การตรวจระดับน้ำตาลกลูโคสที่อยู่ในกระเเสเลือด ซึ่งเป็นน้ำตาลชนิดหลักที่เป็นแหล่งพลังงานของร่างกาย

    โดยทั่วไป ร่างกายได้รับน้ำตาลกลูโคสจากการย่อยอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรต กล่าวคือ อาหารจำพวกแป้งเเละน้ำตาลที่บริโภคในแต่ละมื้อ

    Blood Sugar เกี่ยวข้องกับโรคเบาหวานอย่างไร

    โดยปกติแล้ว หลังรับประทานอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต ซึ่งจะถูกระบบย่อยอาหารเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสเเละดูดซึมเข้าสู่กระเเสเลือด ตับอ่อนจะหลั่งฮอร์โมนอินซูลินออกมา เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โดยฮอร์โมนอินซูลินจะทำหน้าที่กระตุ้นให้เซลล์ต่าง ๆ ดึงน้ำตาลในกระเเสเลือดเข้าสู่เซลล์เพื่อเผาผลาญเปลี่ยนเป็นพลังงาน เเละนำน้ำตาลบางส่วนไปสะสมไว้ที่ตับในรูปแบบของไกลโคเจน (Glycogen) เป็นพลังงานสำรอง

    อย่างไรก็ตาม หากตับอ่อนหลั่งอินซูลินได้น้อยหรือไม่ได้เลย รวมทั้งหากเซลล์ในร่างกายมีความผิดปกติ ตอบสนองต่อฮอร์โมนอินซูลินบกพร่อง ก็จะทำให้สมดุลการควบคุมน้ำตาลในเลือดเสียไป ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงระดับที่เรียกว่าเป็นโรคเบาหวาน

    ทั้งนี้ หากเป็นโรคเบาหวานแล้ว ควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยุ่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ จากการที่ปล่อยให้ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูอย่างเรื้อรัง เช่น  เช่น โรคไต โรคหลอดเลือดสมอง เบาหวานขึ้นตา ระบบปลายประสาทเสื่อม

    น้ำตาลในเลือดปกติ คือเท่าไร

    การตรวจค่าระดับน้ำตาลในเลือดที่สามารถใช้ประเมินภาวะสุขภาพ โดยส่วนมากเเล้วจะเป็นการตรวจระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือดหลังอดอาหารมาเป็นเวลาอย่างน้อย 8 ชั่วโมง (Fasting Blood Sugar Test) ซึ่งสามารถแปลผลได้ดังนี้

    • ระดับน้ำตาลในเลือดปกติ : ระดับน้ำตาลในเลือดไม่เกิน 99 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หมายถึง
    • ภาวะก่อนเบาหวานหรือเสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน : ระดับน้ำตาลในเลือดอยู่ระหว่าง 100-125 มิลลิกรัม/เดซิลิตร
    • เข้าข่ายเป็นโรคเบาหวาน : ระดับน้ำตาลในเลือดสูงตั้งเเต่ 126 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ขึ้นไป

    ทั้งนี้ สมาคมโรคเบาหวานแห่งสหรัฐอเมริกาแนะนำว่า เป้าหมายการควบคุมระดับน้ำตาลของผู้ที่เป็นเบาหวานคือ ระดับน้ำตาลในเลือดก่อนรับประทานอาหาร ควรอยู่ระหว่าง 80-130 มิลลิกรัม/เดซิลิตร และ ระดับน้ำตาลในเลือดหลังรับประทานอาหาร ไม่ควรสูงกว่า 180 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จึงจะถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปลอดภัย

    วิธีป้องกัน Blood Sugar สูงเกินไป

    ระดับน้ำตาลในเลือดสูงหากปล่อยไว้อย่างเรื้อรังนอกจากจะทำให้เกิดอาการต่าง ๆ ของโรคเบาหวาน เช่น กระหายน้ำมาก ปัสสาวะบ่อย อ่อนเพลีย ปากแห้ง สายตาพร่ามัว เเล้ว ยังนำไปสู่โรคหรือภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายอื่นๆตามมา ไม่ว่าจะเป็น โรคหัวใจ โรคหลอดเลือดสมอง โรคไต

    ทั้งนี้ เพื่อป้องกันมิให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป ผู้ป่วยเบาหวานสามารถดูแลตนเองด้วยวิธีการเบื้องต้นดังต่อไปนี้

    • ออกกำลังกายเป็นประจำ หรือ อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ เพราะนอกจากจะช่วยควบคุมน้ำหนัก ป้องกันหรือลดมิให้มีภาวะน้ำหนักเกินซึ่งเป็นปัจจัยส่งเสริมของโรคเบาหวานเเล้ว การออกกำลังกายเป็นประจำจะช่วยให้เซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายตอบสนองต่อฤทธิ์ของอินซูลินได้ดีขึ้น จึงช่วยทำให้ควบคุมเบาหวานได้ดีขึ้นด้วย
    • หลีกเลี่ยงการบริโภคอาหารจำพวกแป้งในปริมาณมาก และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง เช่น ผลิตภัณฑ์จากแป้งขัดขาว ขนมปังขาว เส้นพาสต้า ข้าวเหนียว ขนมเบเกอร์รี่ขนมหวาน น้ำอัดลม น้ำผลไม้ ทั้งนี้ ผู้ป่วยเบาหวานควรบริโภคอาหารกลุ่มคาร์โบไฮเดรตประมาณไม่เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานทั่งหมดที่ควรได้รับต่อวัน ทั้งนี้ความต้องการพลังงานจะเเตกต่างกับไปตาม อายุ เพศ เเละกิจกรรมที่ทำในชีวิตประจำวัน เบื้องต้นผู้ชายควรได้รับพลังงานทั้งหมดประมาณ 2,000 – 2,500 กิโลแคลอรี่/วัน ขณะที่ผู้หญิงควรได้รับพลังงานทั้งหมด 1,500 – 2,000 กิโลแคลอรี่/วัน
    • รับประทานยาลดระดับน้ำตาลหรือใช้ยาฉีดอินซุลินตามคำแนะนำของคุณหมออย่างเคร่งครัด และไม่ปรับขนาดยาหรืออินซูลินด้วยตัวเอง
    • นอนหลับให้เพียงพอ หรือ 6-8 ชั่วโมงต่อวัน เนื่องจากหากพักผ่อนไม่เพีงพอจะทำให้ ฮอร์โมนคอร์ติซอล (Cortisol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนเเห่งความเครียด รวมถึง ฮอร์โมนเกรลิน (Ghrelin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนแห่งความหิว ถูกหลังออกมามากขึ้น ซึ่งฮอร์โมนทั้งสองชนิดนี้ มีส่วนส่งผลกระตุ้นความอยากอาหาร อีกทั้งยังมีฤทธิ์ต้านกับ ฮอร์โมนอินซูลิน จึงส่งผลให้ควบคุมเบาหวานได้ยากขึ้นอีกด้วย

    นอกจากนี้ ผู้ป่วยเบาหวานควรหมั่นตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้วด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ เพื่อทราบถึงระดับน้ำตาลในเเต่ละวันของตน ซึ่งบ่งบอกถึงความสามารถในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดว่าได้ตามเป้าหมาย หรือ อยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัยหรือไม่ เเละหากระดับน้ำตาลสูงหรือต่ำเกินไปจะได้รีบปรับการดูเเลตนเองรวมทั้งปรึกษาคุณหมอ เพื่อป้องกันมิให้เกิดภาวะเเทรกซ้อนที่อันตรายในอนาคต

    ทั้งนี้ ช่วงเวลาที่แนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานตรวจระดับน้ำตาลปลายนิ้ว ได้เเก่

    • หลังตื่นนอน ก่อนรับประทานอาหารหรือดื่มเครื่องดื่มใด ๆ
    • ก่อนมื้ออาหารแต่ละมื้อ
    • หลังจากมื้ออาหาร 2 ชั่วโมง
    • ช่วงที่มีอาการที่สงสัยว่าอาจเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น หิว/โหยอาหารมาก รู้สึกหวิว ๆ ใจสั่น เวียนศีรษะ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงบุรัสกร ทวีบูรณ์

    โรคเบาหวาน · SRK BMI Center


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 25/01/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา