ไรซาทริปแทน (Rizatriptan) ใช้เพื่อรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน รวมไปถึงการบรรเทาอาการอื่น ๆ จากไมเกรน อาทิ อาการคลื่นไส้ อาเจียน อาการแพ้แสงและเสียง
ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ไรซาทริปแทน (Rizatriptan) ใช้เพื่อรักษาอาการปวดศีรษะไมเกรน รวมไปถึงการบรรเทาอาการอื่น ๆ จากไมเกรน อาทิ อาการคลื่นไส้ อาเจียน อาการแพ้แสงและเสียง
ไรซาทริปแทน (Rizatriptan) ใช้เพื่อรักษาโรคไมเกรน ยานี้ช่วยบรรเทาอาการปวดหัว อาการปวด และอาการของโรคไมเกรนอื่น ๆ (คลื่นไส้ อาเจียน แพ้แสง แพ้เสียง) การรักษาอย่างทันท่วงทีจะช่วยให้คุณสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ และอาจจะลดความจำเป็นในการใช้ยาอื่นได้ ยาไรซาทริปแทนอยู่ในกลุ่มของยาทริปแทน (triptans) ซึ่งจะส่งผลต่อสารเซโรโทนินตามธรรมชาติ (serotonin) ที่ทำให้หลอดเลือดในสมองแคบลง ยานี้ยังอาจช่วยบรรเทาอาการปวดโดยการส่งผลกระทบต่อเส้นประสาทบางชนิดภายในสมอง
ยา ไรซาทริปแทน ไม่ได้ป้องกันการเกิดไมเกรนล่วงหน้า และไม่ได้ช่วยลดจำนวนครั้งในการกำเริบของโรคไมเกรน
รับประทานยาตามที่แพทย์กำหนดเมื่อเริ่มมีสัญญาณของโรคไมเกรน คุณสามารถรับประทานรับประทานยาพร้อมกับหรือปราศจากอาหารก็ได้ แต่ยานี้จะทำงานได้ดีกว่าหากใช้ตอนท้องว่าง ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์ อายุ การตอบสนองต่อการรักษา และยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ สำหรับเด็กนั้นขนาดยายังขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวอีกด้วย โปรดแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)
หากอาการไม่ดีขึ้น อย่าใช้ยาเพิ่มอีกจนกว่าจะปรึกษากับแพทย์แล้ว หากอาการของคุณดีขึ้นแค่บางส่วนหรือหากกลับมาปวดหัวอีกครั้ง ผู้ใหญ่อาจจะรับประทานยาได้อีกครั้งหลังจากใช้ยาครั้งแรกผ่านไปอย่างน้อย 2 ชั่วโมง เด็กไม่ควรใช้ยามากกว่าหนึ่งครั้ง หรือ 5 มก. ภายใน 24 ชั่วโมง สำหรับผู้ใหญ่นั้น ขนาดยาสูงสุดที่ผู้ผลิตที่สหรัฐอเมริกาแนะนำคือ 30 มก. ภายใน 24 ชั่วโมง ขนาดยาสูงสุดที่ผู้ผลิตที่แคนาดาแนะนำคือ 20 มก. ภายใน 24 ชั่วโมง
หากคุณมีความเสี่ยงในการเกิดปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ แพทย์อาจตรวจหัวใจก่อนเริ่มใช้ยาไรซาทริปแทน และอาจสั่งให้คุณใช้ยานี้ครั้งแรกที่โรงพยาบาลหรือคลินิกเพื่อเฝ้าระวังผลข้างเคียงที่รุนแรง (เช่น เจ็บหน้าอก) โปรดปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
หากคุณกำลังใช้ยานี้เพื่อรักษาอาการไมเกรนกำเริบเดือนละ 10 วันขึ้นไป ยานี้อาจจะทำให้อาการปวดหัวแย่ลงไปอีกกว่าเดิม (อาการปวดหัวจากการใช้ยาเกินขนาด) อย่าใช้ยานี้บ่อยกว่าหรือนานกว่าที่กำหนด โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณต้องใช้ยานี้บ่อยกว่ากำหนด หากยาไม่ได้ผลแล้ว หรือหากอาการปวดหัวแย่ลง
ควรเก็บรักษา ยาไรซาทริปแทน ที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาไรซาทริปแทนบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งยาซูมาทริปแทนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร
ก่อนใช้ยาไรซาทริปแทนโปรดแจ้งให้แพทย์และเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ยาซูมาทริปแทน แพ้ต่อยาอื่น หรือมีอาการแพ้อื่น ๆ รวมถึงการแพ้ส่วนผสมไม่ออกฤทธิ์ของยาซูมาทริปแทน โปรดสอบถามเภสัชกรสำหรับรายชื่อส่วนผสมที่ไม่ออกฤทธิ์ และข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพา
สภาวะบางอย่างอาจจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดปัญหาเกี่ยวกับหัวใจได้ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีสภาวะดังต่อไปนี้
ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือง่วงซึม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือกัญชานั้นอาจทำให้อาการวิงเวียนหรือง่วงซึมรุนแรงขึ้นได้ ฉะนั้น อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวจนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย จำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปรึกษาแพทย์หากคุณใช้กัญชา
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่าง ๆ
ความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ โรคตับ และความดันเลือดสูงนั้นจะเพิ่มขึ้นตามอายุ ผู้สูงอายุอาจมีปฏิกิริยาไวกว่าต่อผลข้างเคียงของยานี้ โดยเฉพาะอาการความดันเลือดเพิ่มสูงขึ้นและปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
หากอยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ควรใช้ยานี้ตามแพทย์สั่งภายใต้การดูแลของแพทย์เท่านั้น และโปรดปรึกษาแพทย์ถึงประโยชน์และความเสี่ยงของใช้ยา
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายาไรซาทริปแทนสามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมหรือไม่ หากใช้ยานี้ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาคีโตโปรเฟนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
อาจเกิดอาการหน้าแดง รู้สึกเป็นเหน็บชา ซ่า หรือร้อน เหนื่อยล้า อ่อนแรง ง่วงซึม หรือวิงเวียน หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใด ๆ
ยานี้อาจจะเพิ่มระดับความดันโลหิตได้ ควรตรวจวัดความดันโลหิตเป็นประจำและแจ้งให้แพทย์ทราบหากค่าความดันโลหิตออกมาสูงเกินปกติ
แจ้งให้แพทย์ทราบทันที หากคุณมีผลข้างเคียงรุนแรงอื่น ๆ ได้แก่
ยาไรซาทริปแทนสามารถทำให้เกิดอาการแน่น ปวด หรือแรงดันที่บริเวณหน้าอก กราม หรือคอได้ แม้อาการเหล่านี้จะไม่อันตราย แต่ก็คล้ายกับอาการของโรคหัวใจวายซึ่งมีทั้งอาการปวดหน้าอก กราม หรือแขนซ้าย หายใจลำบาก หรือเหงื่อออกผิดปกติ ฉะนั้น โปรดเข้ารับการรักษาทันทีหากเกิดอาการเหล่านี้หรือหากเกิดอาการอื่นที่รุนแรงดังต่อไปนี้
ยานี้อาจเพิ่มระดับของสารเซโรโทนิน และในกรณีหายากอาจทำให้เกิดสภาวะที่รุนแรงมากอย่างกลุ่มอาการเซโรโทนิน (serotonin syndrome) หรือเซโรโทนินเป็นพิษ (serotonin toxicity) ความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นหากคุณใช้ยาอื่นที่สามารถเพิ่มระดับของเซโรโทนินได้ ฉะนั้น โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (อ่านเพิ่มเติมในส่วนปฏิกิริยาของยา) เข้ารับการรักษาในทันทีหากเกิดอาการดังต่อไปนี้
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ยาไรซาทริปแทนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
การรับประทานยาตัวนี้ร่วมกับยาต้านซึมเศร้า หรือเอ็มเอโออินฮิบิเตอร์ (MAO inhibitors) (MAO inhibitors) อาจทำให้เกิดปฏิกิริยาของยาที่อันตรายถึงแก่ชีวิตได้ ฉะนั้น อย่ารับประทานยาต้านซึมเศร้าดังต่อไปนี้ ร่วมกับยาซูมาทริปแทน และควรหยุดใช้ยาซึมเศร้าอื่น ๆ อย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนเริ่มการรักษาด้วยยาซูมาทริปแทน แต่ห้ามหยุดกินยาเอง ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
ความเสี่ยงในการเกิดกลุ่มอาการเซโรโทนินหรือเซโรโทนินเป็นพิษนั้นจะเพิ่มขึ้นหากคุณใช้ยาที่อาจเพิ่มสารเซโรโทนิน เช่น
หากคุณกำลังใช้ยาเออร์โกตามีน (ergotamine) เช่น ยาไดไฮโดรเออร์โกตามีน (dihydroergotamine) หรือยาทริปแทนอื่น ๆ เช่น ซูมาทริปแทน (sumatriptan) หรือซอลมิทริปแทน (zolmitriptan) คุณจะต้องทิ้งระยะในการใช้ยาไรซาทริปแทนและยาเหล่านี้อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อลดโอกาสในการเกิดผลข้างเคียงที่อันตราย
ยาซูมาทริปแทนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาซูมาทริปแทนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคไมเกรน
ใช้ยานี้ต่อเมื่อได้การรับวินิจฉัยว่าเป็นโรคไมเกรนแล้วเท่านั้น
ขนาดยาเริ่มต้น : 5 หรือ 10 มก. รับประทานหนึ่งครั้ง
ขนาดยาสูงสุด : 30 มก. ภายใน 24 ชั่วโมง
คำแนะนำ
การใช้งาน
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
ควรใช้ด้วยความระมัดระวัง อาจพิจารณาปรับขนาดยาในผู้ป่วยที่มีตับบกพร่องขั้นรุนแรง แต่ยังไม่มีแนวทางแนะนำโดยเฉพาะ
การปรับขนาดยา
ใช้ร่วมกับยาโพรพราโนลอล (PROPRANOLOL)
ผู้ใหญ่
เด็ก
ผู้สูงอายุ
คำแนะนำอื่น ๆ
คำแนะนำการใช้ยา
ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
ยาเม็ดแตกตัวสำหรับรับประทาน (ODT)
ทั่วไป
การเฝ้าระวัง
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคไมเกรน
ใช้ยานี้ต่อเมื่อได้การรับวินิจฉัยว่าเป็นโรคไมเกรนแล้วเท่านั้น
ผู้ป่วยอายุ 6 ปีขึ้นไปและมีน้ำหนักน้อยกว่า 40 กก.
ผู้ป่วยอายุ 6 ปีขึ้นไปและมีน้ำหนัก 40 กก. ขึ้นไป
ขนาดยาสูงสุด : 1 ครั้งภายใน 24 ชั่วโมง
คำแนะนำ
การใช้งาน
เพื่อรักษาโรคไมเกรนเฉียบพลันโดยมีหรือไม่มีสัญญาณเตือนในผู้ป่วยที่อายุ 6 ปีขึ้นไป
ข้อควรระวัง
ยังไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพในผู้ป่วยที่อายุน้อยกว่า 6 ปี
ขนาดและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย