1.3 การบาดเจ็บที่กระดูกอ่อนด้านหลังหมวกเข่า
อาการปวดเข่าจะมากขึ้นขณะเดินขึ้นลงบันได เป็นสัญญาณของการบาดเจ็บที่กระดูกอ่อนด้านหลังหมวกเข่า (knee cap) เรียกว่า chondromalacia patellae โรคนี้จะไม่มีร่องรอยการอักเสบ แดง อุ่น ให้เห็นรอบๆ ข้อเข่า สาเหตุส่วนใหญ่เชื่อว่าเกิดจากการใช้งานข้อเข่าอย่างหนักสามารถให้การรักษาเบื้องต้นที่บ้าน โดยพักการใช้งานบริเวณนั้นๆ และประคบเย็น หรือรับประทานยา NSAIDs ร่วมด้วย
1.4 ภาวะเลือดออกในช่องข้อ
หากเกิดการบาดเจ็บที่ข้อเข่า เช่น มีการฉีกขาดของเอ็นในข้อเข่าหรือมีกระดูกหัก อาจเป็นสาเหตุให้มีเลือดออกในช่องข้อ เรียกภาวะนี้ว่า haemarthrosis ซึ่งจะเกิดภาวะนี้ได้บ่อยในกรณีที่รับประทานยาละลายลิ่มเลือด เช่น วอฟาริน สัญญาณที่บ่งบอกว่า มีภาวะเลือดออกในช่องข้อ คือ เข่าบวม, อุ่น, ข้อติดและมีรอยช้ำแม้ได้รับการกระทบกระแทกเพียงเล็กน้อย หากเกิดภาวะนี้และมีข้อเข่าบวมขึ้นอย่างมากควรรีบไปพบแพทย์ทันที
- กรณีมีอาการปวดหลายๆ ข้อ
2.1 ข้ออักเสบรูมาตอยด์
เป็นโรคข้ออักเสบที่ทำให้เกิดอาการปวดบวมของข้ออย่างชัดเจน ในระยะแรกมักมีเพียงอาการปวดเพียงอย่างเดียวต่อมาจึงมีอาการทั้งปวดและบวมมากขึ้นเรื่อยๆ ต่อเนื่องเป็นระยะเวลายาวนานเป็นสัปดาห์ถึงเป็นเดือนๆ ได้ มักมีอาการข้อติดขัดและปวดมากในช่วงเช้า บางรายอาจมีอาการไข้ เหนื่อยอ่อนเพลียทั้งร่างกายได้ ตำแหน่งข้อที่มักเกิดข้ออักเสบรูมาตอยด์ คือ มือ, เท้า และข้อมือ ส่วนใหญ่มักมีอาการข้ออักเสบบริเวณข้อทั้งสองข้าง (symmetrical arthritis) ของร่างกาย
2.2 โรคข้ออักเสบจากการติดเชื้อไวรัส
มักมีอาการปวดข้อร่วมกับมีไข้พร้อมๆ กัน เชื้อไวรัสที่พบว่าเป็นสาเหตุให้เกิดอาการปวดข้อได้บ่อย คือ โรคไวรัสตับอักเสบ เป็นโรคที่ทำให้มีการอักเสบของตับเกิดขึ้นจากภูมิที่ต่อต้านไวรัส, โรครูเบลลา เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่พบได้บ่อยในเด็ก
2.3 โรคข้ออักเสบจากโรคเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน
มักมีอาการปวดข้อทั่วๆ ร่างกาย เนื่องจากกลุ่มโรคนี้เป็นโรคที่แสดงอาการได้ทุกอวัยวะภายในร่างกาย ตัวอย่างโรคในกลุ่มนี้ที่มักมีอาการปวดข้อ คือ โรคเอสแอลอี เป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายต่อต้านเนื้อเยื่อตนเองทั้งร่างกาย, โรคหนังแข็ง เป็นโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันตนเองต่อต้านเนื้อเยื่อตนเองโดยจำเพาะเจาะจงที่ผิวหนังและเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวบวมและแข็งตึง
โดยสรุปอาการปวดข้อมักเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ทั้งที่สามารถรักษาตนเองที่บ้านได้และจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ อย่างไรก็ตามวิธีการจัดการกับความเสี่ยงเพื่อป้องกันอาการปวดข้อที่สามารถทำได้เบื้องต้น คือการออกกำลังกายที่เหมาะสม การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และใช้อุปกรณ์ป้องกันขณะออกกำลังกาย และหากมีอาการปวดข้อรุนแรง ไม่เคยเป็นมาก่อน มีลักษณะพิเศษต่างๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำและรักษาต่อไป
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัย หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย