แตงโมมีกรดอะมิโนชื่อว่าซิทรูลีน (Citrulline) ซึ่งอาจช่วยบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อและช่วยเพิ่มสมรรถภาพในการออกกำลังกาย โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยโค-รยอ ประเทศเกาหลีใต้ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Sport and Health Science ของประเทศจีน เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2563 ซึ่งได้ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างซิทรูลีนกับระดับแลคเตทในเลือด ค่าความเหนื่อย และอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกาย ด้วยวิธีการทบทวน วิเคราะห์ข้อมูล และสรุปข้อมูลที่ได้จากงานวิจัยที่เกี่ยวข้อง 13 ชิ้น ซึ่งมีผู้เข้าร่วมงานวิจัยทั้งหมด 206 คน พบว่า การรับประทานอาหารเสริมซิทรูลีนเป็นประจำ ช่วยลดค่าความเหนื่อย และอาการปวดกล้ามเนื้อหลังออกกำลังกายได้จริง โดยไม่ส่งผลต่อระดับแลคเตทในเลือด ซึ่งแลคเตท (Lactate) เป็นกรดชนิดหนึ่งที่ร่างกายจะหลั่งออกมาเมื่อออกแรงมาก ๆ ยิ่งมีแลคเตสสูง ก็จะยิ่งส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อ ทำให้มีอาการปวดเมื่อย กล้ามเนื้อล้า
อาจช่วยบำรุงผิว
วิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่ทำให้ผิวและผมแข็งแรง ส่วนวิตามินเอก็มีส่วนในกระบวนการสร้างและฟื้นฟูเซลล์ผิวหนัง การรับประทานแตงโมที่อุดมไปด้วยวิตามินเอและวิตามินซีเป็นประจำจึงอาจช่วยให้สุขภาพผิวและเส้นผมแข็งแรงขึ้นได้ โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งเกี่ยวกับบทบาทของวิตามินซีต่อสุขภาพผิวที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2560 พบว่า วิตามินซีมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยปกป้องผิวจากรังสียูวี โดยเฉพาะเมื่อทำงานร่วมกับวิตามินอี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนให้กับผิว ช่วยให้แผลที่ผิวหนังสมานเร็วขึ้น ช่วยลดการเกิดแผลเป็น ทั้งยังอาจช่วยลดเลือดริ้วรอยก่อนวัยได้ด้วย
แตงโมเป็นผลไม้รสหวานที่ให้พลังงานต่ำ หากรับประทานแตงโมเป็นอาหารหวาน หรือเป็นของว่างรองท้องระหว่างมื้ออาหาร ในปริมาณพอเหมาะ อาจส่งผลดีต่อการลดน้ำหนักมากกว่าการรับประทานเบเกอรี่ หรือขนมคบเคี้ยว โดยงานศึกษาชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยซานดิเอโก (San Diego State University) ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2562 ซึ่งได้วิจัยเกี่ยวกับผลของการบริโภคแตงโมสดกับการตอบสนองต่อความอิ่มแบบฉับพลันและความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ใหญ่ (อายุ 18-55 ปี) ที่มีน้ำหนักเกินและเป็นโรคอ้วน โดยให้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มแรกรับประทานแตงโมสดทุกวัน ๆ ละ 2 ถ้วย (ประมาณ 300 กรัม) ซึ่งให้พลังงาน 92 กิโลแคลอรี่ และให้กลุ่มตัวอย่างกลุ่มที่ 2 รับประทานคุกกี้ที่ให้พลังงานเท่ากัน เป็นเวลาทั้งหมด 4 สัปดาห์ พบว่า แตงโมสดช่วยให้อิ่มและอยู่ท้องนานกว่าคุกกี้ โดยสามารถลดความหิวและความอยากอาหารได้นานกว่า 90 นาทีหลังรับประทาน นอกจากนี้ กลุ่มตัวอย่างที่รับประทานแตงโมสดยังมีรอบเอวเล็กลง น้ำหนักตัวและระดับน้ำตาลในเลือดลดลง ทั้งยังมีระดับสารต้านอนุมูลอิสระและไขมันในเลือดที่สมดุลขึ้นด้วย
อาจช่วยทำให้ข้อต่อแข็งแรงขึ้น
สารในกลุ่มแคโรทีนอยด์อย่างเบต้า-คริปโตแซนทีน (Beta-Cryptoxanthin) ในแตงโม อาจช่วยป้องกันข้อต่ออักเสบ ส่งผลให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคเกี่ยวกับข้อต่อ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ลดลงได้ โดยงานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสารThe American Journal of Clinical Nutrition ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2548 ซึ่งได้ศึกษาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของสารเบต้า-คริปโตแซนทีนและโรคข้ออักเสบหลายข้อ โดยการวิเคราะห์ข้อมูลผู้ป่วยโรคข้ออักเสบหลายข้อชาวยุโรปจำนวนกว่า 25,000 ราย พบว่า การบริโภคเบต้า-คริปโตแซนทีนให้มากขึ้นจากการดื่มน้ำส้มคั้นสดวันละ 1 แก้ว เป็นต้น อาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบ เช่น โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
เผลอกลืนเมล็ดแตงโมจะเป็นอันตรายไหม
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย