ไม่ว่าจะอาหารมื้อไหน ๆ การมีเมนูจำพวกแกง หรือน้ำซุปร้อน ๆ ไว้คอยซดให้ชุ่มคอ คงจะเป็นตัวช่วยที่ดีในการทานอาหารให้ราบรื่นอย่างแน่นอน บทความของ Hello คุณหมอ วันนี้ จึงขอนำ สูตรซุปมิโซะ หรือ ซุปเต้าเจี้ยว มาฝากทุกคนได้ลองทำ เพื่อปรับเปลี่ยนอาหารบนโต๊ะ และรสชาติเดิม ๆ ให้หลากหลายมากขึ้นค่ะ
ประโยชน์ของ ซุปมิโซะ
เนื่องจากมิโซะทำมาจากถั่วเหลือง ที่ผ่านการบดละเอียด และนำมาหมักด้วยเกลือ ซึ่งถั่วเหลืองนี้เป็นธัญพืชจากธรรมชาติ เมื่อคุณรับประทานเข้าไป อาจทำให้ร่างกายได้รับสารอาหารต่าง ๆ มากมายอย่างเช่น โปรตีน วิตามินเค วิตามินบี แคลเซียม เป็นต้น
อีกทั้งมิโซะยังอาจเข้าไปช่วยปรับปรุงระบบการย่อยอาหาร ดูแลสุขภาพลำไส้ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และลดระดับคอเลสเตอรอลได้เป็นอย่างดี นับได้ว่าเป็นอีกเมนูที่ควรมีในทุก ๆ มื้อ บนโต๊ะอาหารเลยทีเดียว
ในการเลือกซื้อมิโซะที่ดีก่อนนำมาปรุงเป็นอาหารแต่ละเมนู คุณควรตรวสอบจากสีของมันก่อนเป็นอันดับแรก เพราะยิ่งสีของมิโซะเข้มขึ้นมากเท่าไหร่ ยิ่งบ่งบอกถึงรสชาติที่อร่อยมากเท่านั้น และโปรดอ่านฉลากด้านข้างบรรจุภัณฑ์ถึง วัน เดือน ปี ที่ผลิต หรือวันหมดอายุ พร้อมเช็กเครื่องหมายรับรองความปลอดภัย ทุกครั้งก่อนซื้อนำมาบริโภค
สูตรซุปมิโซะ หรือ ซุปเต้าเจี้ยว ตามตำหรับชาวญี่ปุ่น
วัตถุดิบในการทำซุปมิโซะ
- สาหร่ายคอมบุแห้ง 4 แผ่น
- คัตซึโอะบูชิ หรือปลาแห้ง (ใช้หรือไม่ใช้ก็ได้)
- มิโซะสำเร็จรูป 1-4 ช้อนโต๊ะ
- เต้าหู้ขาวญี่ปุ่น หั่นเต๋า (ตามแต่ต้องการ)
- ต้นหอมซอย
วิธีทำ
- เทน้ำดื่มสะอาดลงในหม้อ และใส่สาหร่ายคอมบุลงไปในน้ำ แช่ทิ้งไว้โดยไม่ต้องตั้งไฟประมาณ 5-8 ชั่วโมง เพื่อเพิ่มกลิ่นสาหร่ายในน้ำซุป
- หลังจากนั้นตั้งไฟ และต้มน้ำให้เดือด พร้อมตักสาหร่ายออกทิ้งไว้
- ปรับระดับไฟให้อ่อนลงมา และนำคัตสึโอะ (ถ้ามี) ใส่ลงไปในหม้อ กวนให้เข้ากัน และทำการแยกกากปลาแห้งออกมาอีกรอบ
- ใส่มิโซะลงไปโดยการวัดจากรสชาติที่คุณชื่นชอบ คนให้เข้ากัน จากนั้นนำเต้าหู้ขาวญี่ปุ่น สาหร่ายคอมบุลงไป รอให้สุก
- เมื่อรสชาติทุกอย่างเข้ากันดีเป็นที่น่าพอใจสหรับคุณแล้ว ปิดไฟ จัดแต่งถ้วยซุปด้วยการนำต้นหอมซอยโรยหน้า
ข้อแนะนำในการทานซุปมิโซะ
การรับประทานซุปมิโซะนั้นมีข้อระวังบางอย่าง เพราะรสชาติของมิโซะค่อนข้างมีความเค็มของเกลือสูง จึงอาจทำให้ไม่เหมาะกับผู้ที่กำลังลดระดับโซเดียม และผู้ที่มีปัญหาทางสุขภาพเกี่ยวข้องกับต่อมไทรอยด์ รวมไปถึงผู้ป่วยโรคไต
ดังนั้น การปรุงรสชาติให้อยู่ในระดับความเค็มที่พอดี อาจจำเป็นต้องปรึกษานักโภชนาการ หรือแพทย์ที่ดูแลรักษาประจำตัวคุณก่อนทุกครั้ง เพื่อป้องกันอันตรายทางสุขภาพที่อาจตามมาในระยะยาว
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]