Tumor แทนด้วยอักษร T ใช้สำหรับอธิบายตำแหน่งและขนาดของมะเร็ง ทั้งมะเร็งที่อยู่ในจุดกำเนิด และมะเร็งที่เริ่มมีการแพร่กระจายไปเนื้อเยื่อใกล้เคียง ซึ่งขนาดของมะเร็งจะมีอยู่ด้วยกัน 4 ระดับ แบ่งเป็น 1 2 3 และ 4 โดยจะเขียนตัวอักษร T ขึ้นต้น และเขียนตัวเลขที่บอกขนาดของมะเร็งจะตามหลัง เช่น T1 T2 T3 T4 ยิ่งตัวเลขหลัง T มีค่าสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งหมายถึงขนาดของมะเร็งที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้น Node แทนด้วยอักษร N จะหมายถึงต่อมน้ำเหลือง เพื่อดูว่ามะเร็งในระยะตั้ง 1-4 มีการแพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรือไม่ ซึ่งจะมีตัวเลขบอกระดับตั้งแต่ 0-3 เช่น N0 หมายถึงไม่พบมะเร็งในต่อมน้ำเหลือง Metastasis แทนด้วยอักษร M ใช้เพื่อระบุว่ามะเร็งมีการลุกลามไปยังอวัยวะอื่น ๆ ที่อยู่ไกลจากมะเร็งจุดกำเนิดหรือไม่ โดยจะมีอยู่ด้วยกันสองค่าหลัก ๆ คือ M0 ไม่พบการแพร่กระจายของมะเร็งในระยะไกล และ M1 มีการแพร่กระจายของมะเร็งไปยังเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่อยู่ไกลจากจุดกำเนิด ยกตัวอย่างการอ่านค่ามะเร็งด้วยระบบ TNM เช่น T2 N1 M0 หมายถึง มีเซลล์มะเร็งขนาดเล็กแพร่กระจายอยู่ในต่อมน้ำเหลือง แต่ยังไม่ลุกลามไปอวัยวะอื่น ๆ
ประโยชน์ของการตรวจมะเร็ง
การที่เราจะรู้ ระยะของโรคมะเร็ง ได้ หมายความว่าจะต้องผ่านการตรวจคัดกรองโรคมะเร็ง หรือไปตรวจเนื้องอกในกรณีที่ตรวจพบเนื้องอกในร่างกาย ผลการตรวจจะแจ้งให้ทราบว่า มีความเสี่ยงของโรคมะเร็งในระยะใด มะเร็งมีขนาดเท่าไหร่ มีการลุกลามของเซลล์มะเร็งหรือไม่ ตลอดจนแนวทางการรักษา และโอกาสในการรักษามะเร็งด้วย
อย่างไรก็ตาม หลายคนมักถือคติ “ไม่ตรวจเท่ากับไม่ป่วย” หรือ “ไปตรวจก็เสียเงินเปล่า ๆ” เหตุผลต่าง ๆ เหล่านี้ทำให้เกิดความชะล่าใจ จนเซลล์มะเร็งอาจมีการลุกลามไปสู่ระยะที่ยากต่อการรักษาให้หายเป็นปกติ และเป็นอันตรายแก่ชีวิต ดังนั้น หากมีโอกาสควรหาเวลาไปเข้ารับการตรวจคัดกรองมะเร็ง เพราะการตรวจมะเร็งเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ มีประโยชน์ต่อตัวผู้เข้ารับการตรวจมากมาย ดังนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย