backup og meta

น้ำตาลในเลือดสูง สาเหตุ อาการ และการป้องกัน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 14/03/2023

    น้ำตาลในเลือดสูง สาเหตุ อาการ และการป้องกัน

    น้ำตาลในเลือดสูง เป็นสาเหตุที่อาจนำไปสู่โรคเบาหวาน หรือทำให้ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมีอาการแย่ลง และอาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหัวใจ เส้นประสาทเสียหาย ไตวาย ดังนั้น จึงควรควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ไม่เกิน 99 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โดยการตรวจระดับน้ำตาลในเลือดเป็นประจำ ออกกำลังกายสม่ำอย่างเสมอ และเลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานและภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    น้ำตาลในเลือดสูง คืออะไร

    น้ำตาลในเลือดสูง คือ ภาวะที่ร่างกายมีระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินกว่า 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร จากค่าปกติที่ควรอยู่ประมาณ 99-140 มิลลิกรัม/เดซิลิตร หากระดับน้ำตาลในเลือดยังคงสูงอย่างต่อเนื่อง อาจก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่กระทบต่อสุขภาพได้ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด ปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น

    น้ำตาลในเลือดสูง มีสาเหตุจากอะไร

    สาเหตุที่ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูง อาจเกิดจากการรับประทานอาหารประเภทแป้งและคาร์โบไฮเดรตมากเกินไป เช่น ข้าวขาว พาสต้า ขนมหวาน ของทอด โดยปกติอาหารจำพวกแป้งและคาร์โบไฮเดรตจะถูกย่อยและเปลี่ยนเป็นน้ำตาลกลูโคสสะสมอยู่ในกระแสเลือด เพื่อให้ร่างกายนำไปใช้เป็นพลังงานในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ แต่หากรับประทานมากเกินไป อาจส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงได้

    นอกจากนี้ ยังอาจมีสาเหตุมาจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่เข้าทำลายเซลล์ในตับอ่อน ส่งผลให้ตับอ่อนไม่สามารถผลิตอินซูลินได้เพียงพอต่อการจัดการกับน้ำตาลในเลือด มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 1 หรืออาจเกิดจากภาวะดื้ออินซูลิน ที่เซลล์ในร่างกายไม่สามารถใช้อินซูลินได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ มักเกิดขึ้นในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 เพราะอินซูลินมีหน้าที่นำน้ำตาลในเลือดไปยังเนื้อเยื่อต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อไม่สามารถนำน้ำตาลในเลือดไปใช้เป็นพลังงานได้ เนื่องจากขาดฮอร์โมนอินซูลิน จึงส่งผลให้มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง และเสี่ยงทำให้อาการเบาหวานแย่ลง ซึ่งจำเป็นต้องเพิ่มฉีดอินซูลินเพิ่มหรือรักษาด้วยยาลดน้ำตาลในเลือด

    ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่อาจส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ได้แก่

  • การใช้ยาอินซูลินหรือยารักษาเบาหวานไม่ถูกวิธี ทำให้ร่างกายได้รับอินซูลินไม่เพียงพอ
  • การไม่ปฏิบัติตามแผนการรับประทานอาหารที่กำหนดไว้ เช่น รับอาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง ไม่รับประทานผักผลไม้
  • มีอาการป่วย การติดเชื้อ หรือพักรักษาตัวหลังการผ่าตัดเป็นเวลานาน
  • ขาดการออกกำลังกาย
  • การใช้ยารักษาโรคบางชนิด เช่น ยาสเตียรอยด์
  • น้ำตาลในเลือดสูง มีอาการอย่างไร

    อาการของน้ำตาลในเลือดสูง อาจเกิดขึ้นต่อเมื่อระดับน้ำตาลในเลือดเกินกว่า 180-200 มิลลิกรัม/เดซิลิตร ที่ส่งผลให้มีอาการดังต่อไปนี้

    • กระหายน้ำมาก
    • ปัสสาวะบ่อย
    • น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
    • มองเห็นสิ่งรอบตัวเป็นภาพซ้อน ตาพร่ามัว
    • เหนื่อยล้าง่าย
    • บาดแผลหายช้า
    • ท้องผูก ท้องร่วง
    • การติดเชื้อที่ผิวหนังและช่องคลอด
    • ปวดศีรษะ

    หากน้ำตาลในเลือดสูงอย่างต่อเนื่องอาจเสี่ยงต่อภาวะเลือดเป็นกรด ที่ทำให้มีอาการ ดังนี้

    • ผิวแห้งและปากแห้ง
    • หายใจเร็ว
    • ลมหายใจอาจมีกลิ่นเปรี้ยว คล้ายผลไม้
    • ปวดกล้ามเนื้อ
    • คลื่นไส้ อาเจียน
    • อ่อนเพลีย

    ควรเข้าพบคุณหมอทันที หากสังเกตว่ามีอาการท้องร่วง อาเจียนรุนแรง มีไข้นานกว่า 24 ชั่วโมง และระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่า 240 มิลลิกรัม/เดซิลิตร โดยไม่ลดลง ถึงแม้ว่าจะรับประทานยาลดระดับน้ำตาลในเลือด หรือยารักษาเบาหวานแล้วก็ตาม

    น้ำตาลในเลือดสูงส่งผลอย่างไรต่อร่างกาย

    น้ำตาลในเลือดสูงอาจส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนหลายประการ ดังนี้

    • โรคเบาหวาน
    • โรคหัวใจและหลอดเลือด
    • เส้นประสาทเสียหายที่ส่งผลให้มือชาและเท้าชา
    • ไตทำงานผิดปกติ หรือไตวาย
    • จอประสาทตาเสื่อม ที่อาจส่งผลให้การมองเห็นเปลี่ยนแปลง และเสี่ยงเป็นต้อกระจก ที่อาจนำไปสู่อาการตาบอดได้
    • ปัญหาข้อต่อและกระดูก เช่น กระดูกเปราะบาง กระดูกหัก หรือรู้สึกปวดข้อ

    วิธีป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูง

    วิธีป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดสูง อาจทำได้ดังนี้

    • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ โดยอาจขอคำแนะนำจากคุณหมอเพื่อวางแผนโภชนาการอาหารให้เหมาะสมกับสุขภาพ ซึ่งควรเน้นการรับประทานผักและผลไม้ อาหารที่มีไขมันต่ำและมีไขมันดีสูง เช่น กะหล่ำ มะเขือเทศ มะเขือม่วง หัวหอม ผักโขม คะน้า ถั่วลันเตา อะโวคาโด ปลาแซลมอน น้ำมันมะกอก ไข่ และเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน
    • จำกัดปริมาณการรับประทานอาหารประเภทแป้ง ไขมันทรานส์และไขมันอิ่มตัวสูง เช่น ของทอด เนื้อสัตว์ติดมัน เนื้อสัตว์แปรรูป น้ำมันหมู เนย ชีส ขนมหวาน
    • หลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ น้ำอัดลม และน้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง ปกติแล้วในแต่ละวันร่างกายควรได้รับน้ำตาลไม่เกินร้อยละ 24 กรัม/วัน หรือ 4-6 ช้อนชา
    • ออกกำลังกาย เพราะการเคลื่อนไหวร่างกายอาจช่วยกระตุ้นการเผาผลาญน้ำตาลเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน ที่อาจช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้
    • ดื่มน้ำให้มาก เพื่อให้ร่างกายช่วยขับน้ำตาลในเลือดออกในรูปแบบปัสสาวะ
    • คลายเครียดด้วยการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ดูหนัง นอนหลับพักผ่อน เล่นโทรศัพท์ ออกกำลังกาย และเล่นเกม

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 14/03/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา