backup og meta

อายครีม ประโยชน์ และวิธีการเลือกอายครีม

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 31/05/2022

    อายครีม ประโยชน์ และวิธีการเลือกอายครีม

    อายครีม คือผลิตภัณฑ์ดูแลผิวใต้ดวงตาและรอบดวงตาที่มีความบอบบางและอ่อนไหวง่ายเป็นพิเศษ เพื่อช่วยให้ผิวหนังรอบดวงตาสดใสและดูสุขภาพดี ดังนั้น จึงควรศึกษาเกี่ยวกับการเลือกอายครีมที่เหมาะสม โดยดูจากส่วนประกอบสำคัญที่มีอยู่ในอายครีม เพื่อช่วยให้ผิวรอบดวงตามีสุขภาพดี และดูสวยสดใสอยู่เสมอ

    อายครีม ใช้เพื่ออะไร

    เมื่อเลือกใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อดูแลผิวหน้า อาจมองเห็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้เพื่อการดูแลผิวรอบดวงตาเป็นพิเศษอย่าง อายครีม แล้วเกิดความสงสัยว่า อายครีมนี้มีความพิเศษอะไร จำเป็นต้องใช้อายครีมจริงๆ เหรอ ความจริงแล้ว แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังหลายคนลงความเห็นว่า ถ้าเป็นไปได้ควรเลือกใช้อายครีมในการดูแลผิวบริเวณรอบดวงตา เนื่องจากผิวในบริเวณนั้นมีความบอบบาง และแพ้ง่าย หากใช้เพียงแค่ครีมบำรุงผิวหน้าทาในบริเวณนั้น อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้ นอกจากนี้อายครีมยังอาจมีประโยชน์ในการจัดการกับปัญหาผิวรอบดวงตาบางอย่าง ที่ครีมบำรุงผิวหน้าธรรมดา ไม่สามารถจัดการได้

    อายครีม ใช้สำหรับปัญหาดังต่อไปนี้

    • ใต้ตาคล้ำ อายครีมนั้นสามารถใช้ที่ผิวรอบดวงตา เพื่อแก้ปัญหาใต้ตาคล้ำได้ โดยควรเลือกเป็นอายครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินเค เพื่อช่วยลดความคล้ำของใต้ดวงตา
    • ถุงใต้ตา แพทย์ผิวหนังแนะนำให้เลือกใช้อายครีมที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เพราะมีส่วนช่วยในการลดอาการบวมของถุงใต้ดวงตา
    • รอยตีนกา อายครีมนั้นสามารถช่วยชะลอการเกิดริ้วรอย และช่วยลดริ้วรอยที่เกิดขึ้นในบริเวณหางตาได้ โดยเฉพาะอายครีมที่มีส่วนผสมของเปปไทด์ (peptides) สารนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และลดการเกิดของริ้วรอยได้

    จะเลือกอายครีม ควรมองหาอะไร

    เมื่อจะเลือกอายครีม ควรมองหาส่วนประกอบที่มีประโยชน์ดังต่อไปนี้

    • สารต้านอนุมูลอิสระ สารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยปกป้องเซลล์ผิวไม่ให้ถูกทำลาย สารนี้มีส่วนช่วยในการต่อต้านริ้วรอยและรอยหมองที่มาพร้อมกับอายุที่มากขึ้น สารต้านอนุมูลอิสระนี้จะช่วยให้ผิวดูกระจ่างใสขึ้น และยังช่วยป้องกันการเสื่อมโทรมของเซลล์โดยรอบอีกด้วย สารต้านอนุมูลอิสระนี้มักจะมาในรูปแบบของ วิตามินซี วิตามินอี และกรดเฟอรูลิก (Ferulic acid)
    • กรดไฮยาลูรอน (Hyaluronic acid) หรือเซราไมด์ (Ceramides) สารเหล่านี้จะช่วยทำให้ผิวชุ่มชื่น อิ่มเอิบ และลดริ้วรอยลงได้
    • เรตินอล (Retinol) เป็นวิตามินเอรูปแบบหนึ่ง สารนี้จะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในร่างกาย ช่วยลดและป้องกันการเกิดริ้วรอยรอบดวงตา
    • เปปไทด์ สารที่ช่วยลดอาการบวมจนเกิดเป็นถุงใต้ตา
    • ไนอะซินาไมด์ (Niacinamide) หรือกรดโคจิก (Kojic acid) ส่วนประกอบนี้สามารถช่วยทำให้รอยคล้ำใต้ดวงตาดูกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น ทำให้ผิวดูสดใสขึ้น โดยการชะลอการผลิตเซลล์เม็ดสี

    สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงในอายครีม

    พาราเบน (Parabens)

    พาราเบน นั้นเป็นสารกันบูดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง สารชนิดนี้อาจจะใช้ใส่ในเครื่องสำอางเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเชื้อรา และเชื้อโรคอื่นๆ ในอายครีม แต่สารพาราเบนสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านทางผิวหนัง และอาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ ควรมองหาผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากสารพาราเบนส์

    อย่างไรก็ตาม สารพาราเบนนั้นอาจมาในรูปแบบของสารอื่นๆ ได้ เช่น

    • เบนซิลพาราเบน (benzylparaben)
    • บูทิลพาราเบน (butylparaben)
    • โพรพิลพาราเบน (propylparaben)
    • เมทิลพาราเบน (methylparaben)
    • เอทิลพาราเบน (ethylparaben)
    • ไอโซบูทิลพาราเบน (isobutylparaben)

    นอกจากนี้ ไม่จำเป็นที่จะต้องเลือกใช้อายครีมที่มีราคาแพงเพียงเท่านั้น เพราะราคาไม่ได้หมายความว่าจะมีประสิทธิภาพสูงกว่าเสมอไป สิ่งที่สำคัญคือการมองหาส่วนผสมที่เหมาะสมสำหรับอาการที่ต้องการ และทดลองใช้เพื่อดูว่าอายครีมตัวนั้น เข้ากันกับผิวขหรือไม่ ผิวของเรานั้นมีความแตกต่างกัน อะไรที่ใช้ได้ผลกับคนอื่น อาจจะไม่ได้ผลก็ได้

    วิธีการดูแลผิวรอบดวงตาโดยไม่ต้องพึ่งอายครีม

    หากรู้สึกว่าอายครีมมีราคาแพงเกินไป หรืออยากมองหาทางเลือกในการดูแลผิวรอบดวงตาโดยไม่ใช้อายครีม สามารถทำตามวิธีดังต่อไปนี้ได้

    • ใช้ครีมกันแดด การใช้ครีมกันแดด จะช่วยปกป้องผิวรอบดวงตาจากการทำร้ายของแสงแดด และช่วยป้องกันริ้วรอยก่อนวัยอันควรได้ ควรเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป หรือสวมแว่นกันแดดก็ช่วยได้เช่นกัน
    • ประคบถุงชา การประคบถุงชาที่บริเวณรอบดวงตา จะช่วยลดอาการขอบตาดำคล้ำได้ เนื่องจากในกากชา โดยเฉพาะชาเขียว นั้นมีสารคาเฟอีนสูง สารนี้จะช่วยลดความคล้ำของผิวใต้ดวงตาได้
    • พักผ่อนให้เพียงพอ ขอบตาที่ดำคล้ำนั้นมักจะเกิดจากการที่นอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอ ดังนั้นทางที่ดี จึงควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้วันละ 8 ชั่วโมง เพื่อป้องกันขอบตาดำคล้ำ
    • งดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่นอกจากจะทำร้ายปอดและหัวใจแล้ว ยังทำลายคอลลาเจนที่อยู่ในผิวหนังอีกด้วย และการขาดคอลลาเจนนี้จะทำให้ผิวเหี่ยวย่น ไม่เต่งตึง และเกิดริ้วรอย
    • หลีกเลี่ยงมลพิษ มลภาวะทางอากาศต่างๆ เช่น ควันรถยนต์ และฝุ่นควัน สามารถทำร้ายผิวหนังได้ อาจลองหาทางหลบเลี่ยงมลภาวะเหล่านี้ และไปสูดอากาศที่บริสุทธิ์ในพื้นที่ต่างจังหวัดดูเสียบ้าง
    • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ เช่น ผักผลไม้ ไขมันดี ถั่วต่างๆ ธัญพืช จะช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และบำรุงผิวให้สวยได้ การดื่มน้ำให้เพียงพอก็จะทำให้ผิวชุ่มชื่นได้เช่นกัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 31/05/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา