ชาเขียว
ชาเขียวมีสารฟลาโวนอยด์สำคัญที่ชื่อว่า เอพิกัลโลคาเทชิน กัลเลต (Epigallocatechin gallate หรือ ECGC) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทรงพลังกว่าวิตามินซี และวิตามินเอถึง 100 เท่าและ 25 เท่าตามลำดับ ฟลาโวนอยด์ตัวนี้มีคุณสมบัติเด่นในการต่อสู้กับเซลล์มะเร็ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า สามารถต่อสู้กับเซลล์มะเร็งได้ในทุกระยะ ตั้งแต่ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็ง หรือคาร์ซิโนเจน (Carcinogen) ไปจนถึงช่วยลดการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
ช็อกโกแลต และผงโกโก้
ผงโกโก้และช็อกโกแลต โดยเฉพาะชนิดเข้มข้น หรือดาร์กช็อกโกแลตอุดมไปด้วยฟลาวานอยด์หลากหลายชนิด ยิ่งช็อกโกแลตเข้มข้นเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีฟลาโวนอยด์สูงขึ้นเท่านั้น หากคุณอยากกินช็อกโกแลตแบบดีต่อสุขภาพ ได้ฟลาโวนอยด์เต็มที่จริงๆ เราแนะนำให้คุณทำช็อกโกแลตกินเอง ทั้งในรูปแบบช็อกโกแลตแท่ง และช็อกโกแลตร้อน เพราะจะได้ควบคุมปริมาณส่วนประกอบอื่นๆ เช่น น้ำตาล นม ได้เอง ทั้งมีฟลาโวนอยด์มากกว่าและดีต่อสุขภาพกว่าด้วย หรือหากจะเลือกซื้อแบบสำเร็จรูปที่วางขายทั่วไปในท้องตลาด ก็ต้องไม่ลืมอ่านฉลากอาหารให้ดีก่อนซื้อ
ไวน์แดง
ประเทศฝรั่งเศสมีอัตราการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือดต่ำกว่าประเทศอื่นที่นิยมบริโภคชีส นม เนย และไขมันอิ่มตัวเหมือนกัน ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะชาวฝรั่งเศสนิยมบริโภคไวน์แดงที่อุดมไปด้วยฟลาโวนอยด์ โดยเฉพาะสารในกลุ่มฟลาวานอลและแอนโทไซยานิดิน ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ แต่หากใครไม่สะดวกดื่มไวน์แดง การดื่มน้ำองุ่นแท้ 100% ก็ให้ฟลาโวนอยด์กับคุณได้เช่นกัน
ทับทิม
ทับทิมอุดมไปด้วยฟลาโวนอยด์หลากหลายชนิด เช่น แอนโทไซยานิน ( Anthocyanins) ฟลาโวนอล (Flavonols) ฟลาวาน-3-ออล (Flavan-3-ols) และหากเป็นน้ำทับทิมและเปลือกทับทิม ก็จะมีแคทิชิน (Catechin) ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระได้อย่างดี สามารถช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระได้มากกว่าชาเขียวและไวน์แดงถึง 3 เท่า
นอกจากอาหารข้างต้นแล้ว คุณยังสามารถหาฟลาโวนอยด์ได้จากพืช และผลิตภัณฑ์จากพืชอื่นๆ ได้ด้วย เช่น หอมหัวใหญ่ ผักคะน้า มะเขือเทศ ผักกาดขาว ต้นหอม บร็อคโคลี ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ คาโมมายล์ พืชตระกูลส้ม (ส้ม มะนาว เลมอน เกรปฟรุต) รวมถึงธัญพืช และถั่วชนิดต่างๆ (ถั่วเหลือง ถั่วปากอ้า)
ประโยชน์สุขภาพจากฟลาโวนอยด์
ฟลาโวนอยด์ได้ชื่อว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอด ที่มีคุณสมบัติต้านการอักเสบ ต้านมะเร็ง ช่วยไม่ให้เลือดจับตัวเป็นก้อนหรือเป็นลิ่ม ทั้งยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบประสาท จึงอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพเรื้อรังได้ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ภาวะความดันโลหิตสูง โรคที่เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาท (เช่น โรคพาร์กินสัน โรคอัลไซเมอร์) โรคหอบหืด โรคหลอดเลือดสมอง หรือโรคมะเร็งบางชนิด (เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก) อีกทั้งฟลาโวนอยด์ยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับกระบวนการเมตาบอลิซึม การย่อยอาหาร และการดูดซึมสารอาหารด้วย
นอกจากนี้ งานวิจัยชิ้นใหม่ยังพบว่า ฟลาโวนอยด์ยังอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 2 และช่วยให้ผู้ป่วยเบาหวานสามารถควบคุมอาการของโรคได้ดีขึ้นด้วย เนื่องจากช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้ในอยู่ในเกณฑ์ปกติ และช่วยลดภาวะดื้อต่ออินซูลิน (Insulin resistance) แต่ผู้เชี่ยวชาญก็ยังต้องศึกษาวิจัยเกี่ยวกับประโยชน์ด้านนี้เพิ่มเติม
แต่ถึงฟลาโวนอยด์จะขึ้นชื่อว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และมีประโยชน์ต่อร่างกาย เราก็ควรบริโภคอาหารที่มีฟลาโวนอยด์ในปริมาณที่พอเหมาะ เพราะอาหารที่เป็นแหล่งฟลาโวนอยด์บางชนิดก็อาจมีแคลอรี่สูง เช่น ไวน์แดง ช็อกโกแลต หากกินมากไปจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ และคุณก็ต้องไม่ลืมกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพอื่นๆ ให้หลากหลาย ออกกำลังกายเป็นประจำด้วย หากใครอยากบริโภคฟลาโวนอยด์ในรูปแบบอาหารเสริม ก็ควรศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ หากมีข้อสงสัยหรือต้องการข้อมูลเพิ่มเติม แนะนำให้สอบถามแพทย์หรือเภสัชกรจะปลอดภัยที่สุด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย