backup og meta

วิธี ลดขยะอาหาร ในครัวเรือนง่ายๆ เพื่อช่วยคุณและช่วยโลก

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 08/05/2020

    วิธี ลดขยะอาหาร ในครัวเรือนง่ายๆ เพื่อช่วยคุณและช่วยโลก

    เวลาที่เราซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหาร หรืออาหารปรุงสำเร็จมาแล้วกินไม่หมด อาหารเหล่านั้นก็จะกลายเป็นขยะอาหารที่ถูกทิ้งไปอย่างไร้ประโยชน์ ซึ่งนอกจากจะทำให้คุณสูญเงินโดยใช่เหตุแล้ว ขยะอาหารที่เราทิ้งยังทำให้เกิดแก๊สมีเทน (Methane) ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจกที่พบได้มากเป็นอันดับสองเลยทีเดียว นั่นแปลว่า ยิ่งมีขยะอาหารมากเท่าไหร่ อาจจะทำให้อุณหภูมิของโลกก็จะยิ่งเปลี่ยนแปลงจากภาวะโลกร้อนรุนแรงขึ้นมากเท่านั้น วันนี้ เราเลยมีวิธี ลดขยะอาหาร ในครัวเรือน มาฝาก หากคุณทำได้ รับรองว่าจะเซฟเงินในการซื้ออาหารมาบริโภคได้อีกเยอะ แถมคุณและครอบครัวยังได้เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยลดภาวะโลกร้อนด้วย

    วิธี ลดขยะอาหาร ในครัวเรือน

    เลือกซื้ออาหารอย่างชาญฉลาด

    คนเรามักซื้อวัตถุดิบในการประกอบอาหาร หรืออาหารสำเร็จรูปพร้อมรับประทานมากเกินจำเป็น โดยเฉพาะเวลาที่เราหิว หรือเวลาที่มีโปรโมชั่นลดแลกแจกแถมมาล่อตาล่อใจ และบางห้างร้านก็มักมีโปรโมชั่นยิ่งซื้อเยอะยิ่งจ่ายถูก ทำให้คุณซื้ออาหารมาตุนไว้ และมักจะบริโภคไม่ทัน จนสุดท้ายก็กลายเป็นขยะอาหารที่ต้องทิ้งไป

    ฉะนั้น หากคุณอยากลดขยะอาหาร เราแนะนำให้ไปซื้อวัตถุดิบประเภทของสด เช่น เนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ เข้าบ้านอาทิตย์ละ 2 ครั้ง หากเป็นของที่เก็บได้นาน ก็อาจซื้ออาทิตย์ละ 1 ครั้ง และต้องบริโภคของที่ซื้อมาให้หมดก่อนจึงค่อยไปซื้อของใหม่ และต้องเลือกซื้อของตามลิสต์รายการของที่ต้องการด้วย จะได้ตัดปัญหาซื้ออาหารมาเกินจำเป็น

    เก็บอาหารให้ถูกวิธี

    การเก็บรักษาวัตถุดิบในการประกอบอาหาร รวมถึงอาหารสำเร็จรูปอย่างถูกวิธี จะช่วยลดปัญหาอาหารเน่าเสียจนต้องทิ้งเป็นขยะอาหาร ยกตัวอย่างเช่น มะเขือเทศ มันฝรั่ง กระเทียม แตงกวา คุณควรเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง ไม่ต้องแช่ตู้เย็น และหากเป็นอาหารที่สามารถปล่อยก๊าซเอทิลีน (ethylene gas) ได้มาก เช่น กล้วย มะเขือเทศ แคนตาลูป ต้นหอม ก็ควรแยกเก็บให้ห่างจากอาหารชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะอาหารที่ไวต่อก๊าซเอทิลีน เช่น มันฝรั่ง แอปเปิ้ล ผักใบเขียว เพราะก๊าซเอทิลีนจะทำให้อาหารสุกและและเน่าเสียเร็วขึ้น

    นอกจากนี้ คุณต้องเก็บอาหารตาม “กฎ 2 ชั่วโมง” นั่นคือ ไม่วางอาหารที่เน่าเสียง่ายไว้ในอุณหภูมิห้องนานเกิน 2 ชั่วโมง และไม่เก็บอาหารไว้ในอุณหภูมิสูงเกิน 32 องศาเซลเซียสนานเกิน 1 ชั่วโมง ถ้ามีอาหารเหลือหรือกินไม่หมด ต้องเก็บเข้าตู้เย็นภายใน 2 ชั่วโมง

    กินอาหารเหลือ อย่าเพิ่งทิ้ง

    หากคุณกินอาหารไม่หมด อย่าเพิ่งเททิ้ง แต่ควรเก็บแช่ตู้เย็นไว้กินในมื้อต่อไป โดยเก็บใส่ภาชนะใสที่มีฝาปิดมิดชิด เพื่อป้องกันการปนเปื้อนกันอาหารอื่นๆ ในตู้เย็น แถมยังช่วยให้มองเห็นง่าย คุณจะได้ไม่ลืมกิน หรือทิ้งได้ทันทีหากลืมจนอาหารเน่าเสียแล้วจริงๆ หากคุณประสบปัญหาทำอาหารหรือซื้ออาหารมากินแล้วมีอาหารเหลือเป็นประจำ คุณอาจต้องซื้อวัตถุดิบหรืออาหารสำเร็จรูปในแต่ละครั้งให้น้อยลง และกินอาหารเหลือให้หมดก่อน จึงค่อยประกอบอาหารจานใหม่ วิธีนี้จะช่วยลดขยะอาหารได้เยอะเลยทีเดียว

    เรียนรู้วิธีถนอมอาหาร

    วิธีถนอมอาหาร เช่น การหมัก การดอง การแช่อิ่ม การตากแห้ง การแช่แข็ง จะช่วยยืดอายุของอาหารให้เก็บรักษาได้นานขึ้น ไม่บูดเน่าเสียง่าย โดยยังมีคุณภาพและคุณค่าทางโภชนาการใกล้เคียงกับตอนยังเป็นของสด

    แถมวิธีเหล่านี้ยังสร้างคาร์บอนฟุตพรินต์ (Carbon Footprint) หรือปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลต่ออุณหภูมิของโลกน้อยมาก จึงช่วยลดขยะอาหาร ช่วยให้ประหยัดเงิน และช่วยลดโลกร้อนได้อย่างดีเลยทีเดียว แต่เมื่อคุณจะบริโภคอาหารที่ผ่านการถนอมอาหารบางวิธี เช่น การหมักดอง ซึ่งอาจมีรสเค็มจัด ก็ควรบริโภคในปริมาณที่พอดี จะได้ไม่เกิดปัญหาสุขภาพตามมา

    ประโยชน์ของการ ลดขยะอาหาร

    การลดขยะอาหารในครัวเรือนนั้นมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

    • ช่วยประหยัดเงินในการซื้ออาหารบริโรค
    • ช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดก๊าซเรือนกระจกและภาวะโลกร้อน
    • ช่วยอนุรักษ์พลังงานและทรัพยากร เนื่องจากกระบวนการในอุตสาหกรรมอาหาร ตั้งแต่การผลิต (เช่น ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์) การแปรรูป การขนส่ง ไปจนถึงการขายอาหารนั้นก่อให้เกิดมลพิษหลากหลายรูปแบบ และต้องใช้พลังงานมหาศาล เมื่อคุณลดขยะอาหาร จึงเท่ากับได้ช่วยประหยัดพลังงาน และช่วยอนุรักษ์ทรัพยากรต่างๆ ได้ด้วย

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำปรึกษาด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด 

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย เนตรนภา ปะวะคัง · แก้ไขล่าสุด 08/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา