เมื่อไหร่ก็ตามที่มีน้ำมูกไหล หลายคนก็แทบจะอนุมานได้ในทันทีว่านั่นคืออาการหวัด แต่จริง ๆ แล้ว อาการน้ำมูกไหลที่มักจะเป็นซ้ำแล้วซ้ำอีก แถมยังพ่วงมาด้วยอาการไอ เจ็บคอ มีไข้ เสมหะในลำคอ อาจไม่ได้หยุดแค่เพียงไข้หวัดเท่านั้น เพราะจริง ๆ แล้วอาจเสี่ยง เป็นไซนัส หรือไซนัสอักเสบได้เช่นกัน แต่ ไซนัสอักเสบ คืออะไร แล้วเป็นหวัดกับเป็นไซนัสเหมือนหรือต่างกันมากน้อยแค่ไหน Hello คุณหมอ มีคำตอบมาฝากแล้วค่ะ
โรคไซนัส คืออะไร
โรคไซนัส หรือ ไซนัสอักเสบ เกิดจากการอักเสบและบวมที่บริเวณเยื่อบุจมูกหรือโพรงอากาศที่อยู่ใกล้จมูก หรือเกิดการติดเชื้อแบคทีเรียหรือติดเชื้อไวรัสที่บริเวณเยื่อบุจมูกหรือโพรงอากาศจนเกิดการอักเสบ ส่งผลให้เกิดอาการไซนัสอักเสบ ดังนี้
- ปวดศีรษะ เนื่องจากความดันในรูจมูกได้ปิดกั้นโพรงอากาศบางส่วนหรือทั้งหมด ทำให้เกิดแรงดันสะสมอยู่ภายในจมูก ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ
- เมื่อกดไปที่ใบหน้าหรือบริเวณโพรงอากาศจะรู้สึกเจ็บ
- มีไข้สูง 38 องศาเซลเซียส
- น้ำมูกมีสีเหลืองหรือสีเขียว ขุ่นมัว
- คัดจมูก
- มีเสมหะในลำคอ
- เจ็บคอ
- มีอาการไอ
- ความสามารถในการรับกลิ่นลดลง
- อ่อนเพลีย
เป็นไซนัส หรือเป็นหวัดจะแยกได้อย่างไร
จากลักษณะอาการข้างต้น จะเห็นได้ว่าอาการของ ไซนัสอักเสบ ช่างคล้ายกับอาการไข้หวัดเสียเหลือเกิน จนบางครั้งก็อาจทำให้เกิดความสับสนว่า ตกลงอาการที่เป็นอยู่ในขณะนี้เป็นไซนัส หรือว่า เป็นหวัด กันแน่
อย่างไรก็ตาม แม้อาการของ ไซนัสอักเสบ กับไข้หวัดจะคล้ายกันจนแทบจะแยกไม่ออก แต่ก็มีข้อแตกต่างอยู่บางประการที่สามารถช่วยให้เราจำแนกอาการของไซนัสออกจากอาการไข้หวัดได้ ดังนี้
- ไซนัสอักเสบจะทำให้เกิดอาการปวด หรือกดแล้วเจ็บที่บริเวณจมูก หรือบริเวณโพรงอากาศ
- เนื่องจากโพรงอากาศเป็นอวัยวะที่อยู่ในจมูก ด้านหลังโหนกแก้ม รอบดวงตา และหน้าผาก ดังนั้น เมื่อเกิดการอักเสบขึ้น ก็อาจทำให้เกิดอาการปวดตามใบหน้า เช่น ดวงตา จมูก แก้ม หรือฟันได้
- ไซนัสอักเสบอาจส่งผลให้รู้สึกปวดที่ฟัน แม้ว่าสุขภาพฟันจะไม่ได้รับผลข้างเคียงใด ๆ จากการอักเสบของไซนัส
- ไซนัสอักเสบทำให้เกิดรสเปรี้ยวปาก และมีกลิ่นปาก
- ไซนัสอักเสบจะมีอาการเจ็บคอน้อยกว่าไข้หวัด
- ไซนัสอักเสบจะมีเสมหะในลำคอมากกว่าไข้หวัด
เมื่อไหร่ควรไปพบคุณหมอ
ไซนัสอักเสบ แม้จะไม่ใช่อาการทางสุขภาพที่อันตรายหรือรุนแรง แต่ก็จำเป็นที่จะต้องได้รับการวินิจฉัยและการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดไซนัสอักเสบเรื้อรัง อย่างไรก็ตาม หากมีอาการดังต่อไปนี้ คุณควรไปพบคุณหมอ
- มีไข้สูงอย่างต่อเนื่อง มีน้ำมูก คัดจมูก มีอาการปวดที่ใบหน้า ติดต่อกันเป็นเวลาตั้งแต่ 7-10 วัน และยังไม่ดีขึ้น
- มีอาการคล้ายกับไข้หวัดนานกว่าหนึ่งสัปดาห์
- มีอาการคัดจมูกจนหายใจไม่ออก หรือรบกวนการนอนหลับ
- ปวดศีรษะอย่างรุนแรง
- เห็นภาพเบลอ
- คอแข็ง
- วิงเวียนศีรษะ
- มีอาการแดงหรือบวมที่บริเวณแก้ม หรือดวงตา