backup og meta

ภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก อาการและการรักษา

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย อนันตา นานา · แก้ไขล่าสุด 15/11/2022

    ภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก อาการและการรักษา

    ภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของร่างกาย เนื่องจาก แคลเซียม เป็นสิ่งที่ร่างกายขาดไม่ได้ โดยมีหน้าที่สำคัญในการทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง และอาจมีบทบาทสำคัญในการปล่อยเอนไซม์และฮอร์โมน ตลอดจนทำให้ระบบประสาทและกล้ามเนื้อทำงานได้ตามปกติ ดังนั้น หากร่างกายได้รับปริมาณแคลเซียมไม่เพียงพอ อาจทำให้การทำงานของร่างกายผิด ทั้งยังอาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาอีกด้วย

    ภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก คืออะไร

    ภาวะพร่องแคลเซียม (Hypocalcemia) เป็นปัญหาที่อาจพบได้บ่อยที่สุดในเด็ก โดยมีสาเหตุหลักมาจากการบริโภคแคลเซียมต่ำและปัญหาการดูดซึมแคลเซียมในลำไส้ ในบางกรณีการขาดแคลเซียมในเด็ก อาจเป็นผลมาจากการระดับแคลเซียมต่ำในมารดา ซึ่งเมื่อร่างกายได้รับแคลเซียมที่ไม่เพียงพออาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อกระดูกอย่างรุนแรง มีผลต่อการยืดหดตัวของกล้ามเนื้อ รวมทั้งอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด และระบบประสาทอีกด้วย ดังนั้น หากเด็กมีกระดูกที่อ่อนแอจากการขาดแคลเซียมอาจนำไปสู่อาการกระดูกผิดรูป เช่น โรคกระดูกอ่อนในเด็ก (Rickets)

    อาการที่เกิดจาก ภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก

    สำหรับอาการที่อาจเกิดขึ้นกับเด็กเมื่อมีภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก อาจมีดังนี้

    • กล้ามเนื้อเป็นตะคริว เป็นสัญญาณเตือนแรกของภาวะพร่องแคลเซียม อาจสังเกตได้จากการที่เด็กพูดเรื่องอาการเจ็บที่กล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่ายิ่งบริเวณแขน ใต้วงแขน และต้นขา เมื่อต้องเคลื่อนไหวและเดินไปมา
    • อาการนอนไม่หลับ หากเด็กมีอาการนอนหลับยาก หรือในบางกรณี อาจหลับแต่หลับไม่ลึก นอนไม่หลับ หรือมักตื่นกลางดึกบ่อย ๆ นี่อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งที่บ่งชี้ว่า เด็กอาจมีภาวะพร่องแคลเซียม
    • และมีผิวฟันขรุขระ 
    • เล็บอ่อนแอและเปราะง่าย โดยปกติแล้ว เล็บเป็นส่วนที่ต้องการปริมาณแคลเซียมที่เพียงพอ จึงจะเติบโตอย่างมีสุขภาพดี เพราะฉะนั้นการที่เล็บหักหรือเปราะง่าย อาจหมายเป็นอีกหนึ่งอาการของภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก
    • เข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ช้า โดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเด็กผู้หญิงที่ร่างกายได้รับแคลเซียมไม่เพียงพอ ทั้งยังอาจทำให้เกิดปัญหารอบเดือนมาไม่ปกติอีกด้วย

    การรักษาภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก

    ภาวะพร่องแคลเซียมในเด็กอาจรักษาได้ด้วยการให้เด็กรับประทานอาหารเสริม เพื่อชดเชยปริมาณแคลเซียมที่จำเป็นต่อร่างกาย นอกจากนี้ ยังอาจเพิ่มระดับแคลเซียมตามธรรมชาติสำหรับเด็กในวัยกำลังเจริญเติบโต ได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ เหล่านี้

  • เพิ่มผลิตภัณฑ์จากนมในมื้ออาหารทุกวัน เพราะนมเป็นแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ดังนั้น ควรหมั่นดูแลให้เด็กดื่มนมเป็นประจำ
  • เพิ่มผักใบเขียว เช่น ขึ้นฉ่าย ผักโขม ซึ่งอุดมไปด้วยแคลเซียมในทุกมื้ออาหาร
  • ควรให้เด็กรับประทานอาหารที่มีประกอบด้วยข้าวฟ่างในปริมาณมากขึ้น เนื่องจาก ข้าวฟ่างอุดมไปด้วยแคลเซียม
  • งาเป็นอีกหนึ่งแหล่งอาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียม ซึ่งได้รับการแนะนำให้ใช้ในการรักษาภาวะพร่องแคลเซียมในเด็ก
  • ควรให้เด็กออกไปรับแสงแดดในตอนเช้า อย่างน้อยครึ่งชั่วโมง เนื่องจาก วิตามินดีในแสงแดดอาจมีส่วนช่วยให้ร่างกายสังเคราะห์แคลเซียมในร่างกายได้ดีขึ้น
  • รับประทานผลไม้เป็นประจำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง เช่น ส้ม ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี่
  • ปริมาณแคลเซียมสำหรับเด็กแต่ละช่วงวัย

    ปริมาณแคลเซียมที่แนะนำสำหรับเด็กแต่ละวัย อาจมีดังนี้

    • อายุตั้งแต่วัย 1-3 ปี ควรได้รับแคลเซียม 700 มิลลิกรัม/วัน
    • เด็กวัย 4-8 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,000 มิลลิกรัม/วัน
    • เด็กวัย 9 ขวบไปจนถึงอายุ 18 ปี ควรได้รับแคลเซียม 1,300 มิลลิกรัม/วัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย อนันตา นานา · แก้ไขล่าสุด 15/11/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา