backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก
สารบัญ

ไซโดวูดีน (Zidovudine)

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 08/06/2020

ไซโดวูดีน (Zidovudine)

ไซโดวูดีน (Zidovudine) ยาต้านไวรัสที่ช่วยไม่ให้เชื้อเอชไอวีเพิ่มจำนวน และใช้ขณะตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีถ่ายทอดเชื้อไปยังทารก

ข้อบ่งใช้

ไซโดวูดีน ใช้สำหรับ

ไซโดวูดีน (Zidovudine) เป็นยาต้านไวรัส ที่ช่วยป้องกันไม่ให้เชื้อไวรัสเอชไอวี (human immunodeficiency virus) ในร่างกายเพิ่มจำนวน

ไซโดวูดีน ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อเอชไอวี ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่สามารถทำให้เกิดโรคเอดส์ หรือกลุ่มอาการภูมิคุ้มกันบกพร่อง (acquired immunodeficiency syndrome) ยาไซโดวูดีนยังใช้ขณะตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีถ่ายทอดเชื้อไปยังเด็กทารก อย่างไรก็ตาม ยานี้ไม่สามารถรักษาการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์ให้หายขาดได้

ยาไซโดวูดีนยังอาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่น นอกเหนือจากในคู่มือการใช้ยาได้ด้วย

วิธีใช้ ยาไซโดวูดีน

ควรทำตามวิธีการใช้ยาทั้งหมดบนฉลากยา ในบางครั้งแพทย์อาจต้องเปลี่ยนขนาดยาของคุณ อย่าใช้ยานี้ในขนาดที่มากกว่า น้อยกว่า หรือใช้ยานานกว่าที่แนะนำ

ยาไซโดวูดีนสามารถรับประทานพร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหากก็ได้

หากเด็กใช้ยานี้ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบ หากน้ำหนักของเด็กมีความเปลี่ยนแปลง ขนาดของยาไซโดวูดีนนั้นจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก และความเปลี่ยนแปลงนี้อาจส่งผลกระทบกับขนาดยาของเด็กได้

ยาไซโดวูดีนอาจลดจำนวนเซลล์เม็ดเลือดที่ช่วยร่างกายของคุณต่อสู้กับการติดเชื้อ และช่วยหมุนเวียนออกซิเจนภายในร่างกาย คุณอาจติดเชื้อ หรือรู้สึกเหนื่อยกว่าปกติ และต้องเข้ารับการตรวจเลือดเป็นประจำ

เอชไอวีหรือโรคเอดส์นั้นมักจะรักษาโดยการใช้ยาหลายชนิดร่วมกัน ควรใช้ยาทั้งหมดตามที่แพทย์กำหนด อ่านคู่มือการใช้ยาหรือคำแนะนำสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับมากับยาแต่ละชนิด อย่าเปลี่ยนขนาดยาหรือตารางการใช้ยาเองโดยไม่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ทุกคนที่ติดเชื้อเอชไอวีหรือเป็นโรคเอดส์นั้น ควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์

การเก็บรักษา ยาไซโดวูดีน

ควรเก็บรักษายาไซโดวูดีนที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาไซโดวูดีนบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย

ไม่ควรทิ้งยาไซโดวูดีนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร

ข้อควรระวังและคำเตือน

ข้อควรรู้ก่อนใช้ยา ไซโดวูดีน

ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์ทราบหาก

  • คุณกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากในช่วงที่คุณตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร ควรใช้ยาตามที่แพทย์แนะนำเท่านั้น
  • หากคุณกำลังใช้ยาอื่นอยู่ หรือมีแผนจะใช้ยาอื่น เช่น ยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่หาซื้อเอง วิตามิน อาหารเสริม สมุนไพร
  • หากคุณแพ้สารออกฤทธิ์หรือไม่มีฤทธิ์ในการรักษาของยาไซโดวูดีน หรือยาอื่น ๆ
  • หากคุณมีอาการป่วย มีความผิดปกติ หรือมีสภาวะทางการแพทย์อื่น ๆ

อย่าใช้ ยาไซโดวูดีน หากคุณเคยมีอาการแพ้ต่อยารีโทรเวียร์ (Retrovir) หรือยาอื่น ๆ ที่มีส่วนผสมของยาไซโดวูดีน รวมถึงยาคอมบิเวียร์ อย่าใช้ยารีโทรเวียร์พร้อมกับยาที่มีส่วนผสมของยาไซโดวูดีนหรือยาสตาวูดีน (stavudine) รวมถึงยาคอมบิเวียร์ ยาไตรซิเวียร์ หรือยาเซริต (Zerit)

บางคนที่ใช้ยาไซโดวูดีน อาจเกิดภาวะเลือดเป็นกรดแล็กติก (lactic acidosis) ซึ่งถือเป็นสภาวะทางการแพทย์รุนแรงอย่างหนึ่ง ภาวะนี้มักเกิดกับผู้หญิง ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ผู้ที่เป็นโรคตับ และผู้ที่ใช้ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีหรือโรคเอดส์เป็นเวลานาน โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงของคุณ

ยาไซโดวูดีนยังสามารถส่งผลกระทบรุนแรงต่อตับจนอาจถึงแก่ชีวิตได้ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณเป็นโรคตับ โดยเฉพาะโรคตับอักเสบซี (hepatitis C)

หากคุณเคยเป็นโรค หรือสภาวะทางการแพทย์ต่อไปนี้ โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบก่อนใช้ ยาไซโดวูดีน

  • โรคไต
  • ปัญหาเกี่ยวกับกล้ามเนื้อ
  • การกดไขกระดูก
  • อาการเลือดออกหรือเซลล์เม็ดเลือดผิดปกติ
  • คุณดื่มสุราในปริมาณมาก

คาดกันว่า ยาไซโดวูดีน ไม่เป็นอันตรายกับทารกในครรภ์ แต่เชื้อเอชไอวีสามารถถ่ายทอดไปยังลูกของคุณได้ หากคุณไม่ทำการรักษาอย่างถูกต้องขณะตั้งครรภ์ ควรใช้ยารักษาการติดเชื้อเอชไอวีทั้งหมดของคุณตามที่กำหนด เพื่อควบคุมการติดเชื้อ

ผู้หญิงที่ติดเชื้อเอชไอวีหรือเป็นโรคเอดส์ไม่ควรให้นมบุตร แม้ว่าลูกของคุณจะเกิดมาโดยไม่มีเชื้อเอชไอวี เพราะเชื้อไวรัสอาจถ่ายทอดผ่านทางน้ำนมจากแม่ไปยังลูกของคุณ

ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้

ยาไซโดวูดีนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ ประเภท C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)

การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้

  • A = ไม่มีความเสี่ยง
  • B = ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
  • C = อาจจะมีความเสี่ยง
  • D = มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
  • X = ห้ามใช้
  • N = ไม่ทราบแน่ชัด

ผลข้างเคียง

ผลข้างเคียงของการใช้ยาไซโดวูดีน

รับการรักษาพยาบาลฉุกเฉินทันที หากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ ได้แก่

  • ลมพิษ
  • หายใจติดขัด
  • บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ

หรือมีปฏิกิริยาผิวหนังที่รุนแรง ได้แก่

  • เป็นไข้ เจ็บคอ
  • แสบร้อนที่ดวงตา ปวดผิว
  • ผดผื่นผิวหนังสีแดงหรือสีม่วงที่แพร่กระจาย และทำให้เกิดแผลพุพองและผิวลอก

ทุกอาการของภาวะเลือดเป็นกรดแล็กติกนั้นอาจรุนแรงขึ้นได้เมื่อเวลาผ่านไป และสภาวะนี้อาจเป็นอันตรายจนถึงแก่ชีวิต ควรเข้ารับการรักษาทันทีแม้ว่าคุณจะมีอาการระดับเบา อาการปวดกล้ามเนื้อหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง อาการชาหรือรู้สึกเย็นที่แขนหรือยา หายใจติดขัด ปวดท้อง คลื่นไส้และอาเจียน หัวใจเต้นผิดปกติ วิงเวียน หรือรู้สึกอ่อนแรงหรือเหนื่อยมาก

โปรดติดต่อแพทย์ทันที หากคุณมีอาการดังต่อไปนี้

  • เซลล์เม็ดเลือดขาวต่ำ – เป็นไข้ มีอาการของโรคไข้หวัดใหญ่ เหงือกบวม มีแผลภายในปาก มีอาการปวดขณะกลืน มีแผลบนผิวหนัง ไอ หายใจติดขัด
  • เซลล์เม็ดเลือดแดงต่ำ (ภาวะโลหิตจาง) – ผิวซีด เหนื่อยล้าผิดปกติ รู้สึกหน้ามืดหรือหายใจลำบาก มือและเท้าเย็น
  • ปัญหาเกี่ยวกับตับ – อาการบวมที่ช่วงลำตัว ปวดท้องส่วนบน เหนื่อยล้าผิดปกติ เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีคล้ำ อุจจาระสีดินเหนียว ดีซ่าน (ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง)

ยาไซโดวูดีน อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อบางชนิด หรืออาจเปลี่ยนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน จนทำให้ระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ อาการนี้อาจเกิดขึ้นได้ภายในเวลาไม่กี่สัปดาห์หรือเดือน หลังจากคุณเริ่มใช้ยาไซโดวูดีน โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณมีอาการ

  • สัญญาณของการติดเชื้อครั้งใหม่ – เป็นไข้ มีเหงื่อตอนกลางคืน ต่อมบวม มีแผลในปาก ท้องร่วง ปวดท้อง น้ำหนักลด
  • ปวดหน้าอก (โดยเฉพาะเวลาหายใจ) ไอแห้ง หายใจมีเสียงหวีด รู้สึกหายใจลำบาก
  • เริมที่ริมฝีปาก มีแผลที่บริเวณอวัยวะเพศหรือทวารหนัก
  • หัวใจเต้นเร็ว รู้สึกวิตกกังวลหรือหงุดหงิด อ่อนแรง หรือรู้สึกเจ็บปวดเหมือนถูกแทง มีปัญหากับการทรงตัวหรือการเคลื่อนไหวของดวงตา
  • พูดลำบากหรือกลืนลำบาก มีอาการปวดรุนแรงที่หลังส่วนล่าง สูญเสียการควบคุมกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้
  • มีอาการบวมที่คอหรือลำคอ (ต่อมไทรอยด์โต) ประจำเดือนเปลี่ยนแปลง เกิดอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ สูญเสียความสนใจทางเพศ

ผลข้างเคียงที่พบได้ทั่วไปมีดังนี้

  • ปวดศีรษะ
  • เป็นไข้ รู้สึกป่วยทั่วไป
  • ไอ
  • คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร
  • รูปร่างหรือตำแหน่งของไขมันในร่างกายเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะที่แขน ขา ใบหน้า คอ เต้านม หรือเอว

ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร

ปฏิกิริยาของยา

ปฏิกิริยากับยาอื่น

ยาไซโดวูดีน อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์

ยาที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ ได้แก่

  • ยาด็อกโซรูบิซิน (Doxorubicin)
  • ยาแกนซิโคลเวียร์ (Ganciclovir)
  • ยาอินเตอร์เฟรอน อัลฟ่า (Interferon alfa)
  • ยาริบาเวียร์ริน (Ribavirin)
  • ยาที่ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแรง เช่น ยารักษาโรคมะเร็ง ยาสเตียร์รอยด์ ยาป้องกันการต่อต้านอวัยวะใหม่จากการปลูกถ่ายอวัยวะ

ปฎิกิริยาต่ออาหารหรือแอลกอฮอล์

ยาไซโดวูดีน  อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ

ปฏิกิริยาต่ออาการโรคอื่น

ยาไซโดวูดีน  อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ

ขนาดยา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

ขนาดยาไซโดวูดีนสำหรับผู้ใหญ่

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อเอชไอวี

  • รับประทาน : 300 มก. ทุก ๆ 12 ชั่วโมง หรือ 200 มก. ทุก ๆ 8 ชั่วโมง
  • ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ : 1 มก./กก. ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ (หยอดยานานกว่า 1 ชั่วโมง) ทุก ๆ 4 ชั่วโมง ตลอดทั้งวัน สำหรับขนาดยาต่อวันโดยรวมที่ 5 ถึง 6 มก./กก.
  • ระยะเวลาการรักษา : ควรดำเนินการรักษาอย่างต่อเนื่องนานเท่าที่ผู้ป่วยจะทนได้ หรือจนกว่าจะเปลี่ยนไปใช้ยาต้านไวรัสชนิดอื่น

ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อลดโอกาสการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากมารดาสู่ทารก

  • ขนาดยาทางฝั่งของมารดา : 100 มก. รับประทานวันละ 5 ครั้งจนเริ่มคลอดบุตร (ขนาดยาอาจขึ้นอยู่กับการพิจารณาของแพทย์) ขนาดยาพื้นฐานคือ 300 มก. ทุก ๆ 12 ชั่วโมง หรือ 200 มก. ทุก ๆ 8 ชั่วโมง
  • ระหว่างการคลอดบุตร : 2 มก./กก. ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ (หยอดยานานกว่า 1 ชั่วโมง) ตามด้วยหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำอย่างต่อเนื่องที่ขนาด 1 มก./กก./ชั่วโมง จนตัดสายสะดือ
  • ควรเริ่มต้นการรักษาตั้งแต่สัปดาห์ที่ 14-34 ของการตั้งครรภ์ และควรทำการรักษาทารกเป็นเวลา 6 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม แม้จะใช้ยาตามสูตรนี้แล้ว แต่ก็ยังมีบางกรณีที่เกิดการถ่ายทอดเชื้อไปยังทารก

ขนาดยาไซโดวูดีนสำหรับเด็ก

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อเอชไอวี

อายุ 4 สัปดาห์ ถึง น้อยกว่า 18 ปี :

ขนาดยาที่รับประทานขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว ดังนี้

  • น้ำหนัก 4 ถึงน้อยกว่า 9 กก. : 12 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง หรือ 8 มก./กก. รับประทานวันละสามครั้ง
  • น้ำหนัก 9 ถึงน้อยกว่า 30 กก. : 9 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง หรือ 6 มก./กก. รับประทานวันละสามครั้ง
  • น้ำหนัก 30 กก. ขึ้นไป : 300 มก./กก. รับประทานวันละสองครั้ง หรือ 200 มก./กก. รับประทานวันละสามครั้ง

ขึ้นอยู่กับพื้นที่ผิวของร่างกาย 240 มก./ตารางเมตร (ขนาดยาสูงสุด 300 มก./ครั้ง) รับประทานวันละสองครั้ง หรือ 160 ก./ตารางเมตร (ขนาดยาสูงสุด 200 มก./ครั้ง) รับประทานวันละสามครั้ง

ขนาดยาที่คำนวณโดยใช้น้ำหนักตัวไม่เหมือนกับขนาดยาที่คำนวณโดยใช้พื้นที่ผิวของร่างกายในกรณีเดียวกัน

ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อลดโอกาสการถ่ายทอดเชื้อเอชไอวีจากมารดาสู่ทารก

ทารกแรกเกิด

  • รับประทานยา 2 มก./กก. รับประทานทุกๆ 6 ชั่วโมง
  • ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ 1.5 มก./กก. ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ (หยอดยานานกว่า 30 นาที) ทุก ๆ 6 ชั่วโมง

ควรเริ่มให้ยาทารกแรกเกิดภายใน 12 ชั่วโมงหลังคลอด และรักษาต่อเนื่องจนถึงอายุ 6 สัปดาห์ อาจใช้วิธีฉีดยาไซโดวูดีนเข้าหลอดเลือดดำ กับทารกที่ไม่สามารถใช้ยาแบบรับประทานได้

รูปแบบของยา

ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้

  • ยาเม็ด
  • ยาสำหรับฉีด

กรณีฉุกเฉินหรือการใช้ยาเกินขนาด

หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที

กรณีลืมใช้ยา

หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์

ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group


เขียนโดย พลอย วงษ์วิไล · แก้ไขล่าสุด 08/06/2020

advertisement iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา