ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดได้หลายอาการ เช่น อาการปวดหัว ปวดฟัน ปวดประจำเดือน ปวดกล้ามเนื้อหรือ โรคข้ออักเสบ ปวดหัวไมเกรน อย่างไรก็ตาม การใช้ยานี้อย่างไม่ถูกต้องอาจส่งผลให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างได้ ดังนั้น จึงควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรก่อนใช้ยาใด ๆ
ข้อบ่งใช้
ไอบูโพรเฟน ใช้สำหรับ
ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เป็นยาที่ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดที่เกิดได้หลากหลายอาการ เช่น อาการปวดหัว ปวดฟัน ปวดประจำเดือน ปวดกล้ามเนื้อหรือ โรคข้ออักเสบ
นอกจากนี้ ยาไอบูโพรเฟน ยังสามารถใช้ลดไข้ บรรเทาอาการเจ็บและปวด ที่มีสาเหตุมาจากโรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่ได้อีกด้วย ยาไอบูโพรเฟน เป็นยาซาลิไซเลตและยาต้านอักเสบไร้สเตียรอยด์ (NSAID) ตัวยาจะขัดขวางสารจากธรรมชาติบางอย่างภายในร่างกาย ที่ก่อให้เกิดการอักเสบ ยาตัวนี้จะช่วยลดอาการบวม อาการเจ็บหรือเป็นไข้
วิธีการใช้ ไอบูโพรเฟน
- หากคุณกำลังรับประทานยาที่ซื้อเองตามร้ายขายยา อ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ยาทั้งหมดก่อนรับประทานยาไอบูโพรเฟน หากแพทย์จ่ายยาตัวนี้ให้ อ่านคู่มือทางการแพทย์ที่ได้รับมาจากเภสัชกรอย่างเคร่งครัด ก่อนเริ่มใช้ ยาไอบูโพรเฟน ในแต่ละครั้งหากคุณมีข้อสงสัยใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
- รับประทานยาตัวนี้ ตามด้วยน้ำเปล่าเต็มแก้ว (8 ออนซ์/240 มิลลิลิตร) นอกจากว่าแพทย์จะสั่งให้คุณทำแบบอื่น อย่าเพิ่งนอนหลังจากรับประทานยาอย่างน้อย 10 นาทีหลังจากที่คุณรับประทานยานี้ การรับประทานพร้อมกับอาหาร นม หรือยาลดกรดจะช่วยลดผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้ เช่น อาการท้องไส้ปั่นป่วน
- ขนาดยาขึ้นอยู่กับอาการทางการแพทย์ และการตอบสนองต่อการรักษาในแต่ละคน เพื่อลดความเสี่ยงของ อาการเลือดออกในกระเพาะและผลข้างเคียงอื่น ๆ ควรรับประทานยาตัวที่ประสิทธิภาพในระดับต่ำที่สุดและใช้เวลาน้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ และอย่าเพิ่มหรือลดขนาดยาเอง ควรรับประทานยาตัวนี้ต่อเนื่องตามที่แพทย์สั่ง
- เมื่อใช้ ยาไอบูโพรเฟน ในเด็ก ขนาดยาจะขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวของเด็ก อ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์ เพื่อหาขนาดยาที่เหมาะสมสำหรับน้ำหนักตัวของเด็ก ปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ หากคุณมีข้อสงสัยหรือต้องการความช่วยเหลือในการเลือกยาตามร้านขายยา
- สำหรับอาการบางประเภท เช่น โรคข้ออักเสบ อาจใช้เวลามากถึง 2 สัปดาห์ในการรับประทานยาตัวนี้ จนกว่าคุณจะได้รับประโยชน์จากตัวยาอย่างเต็มประสิทธิภาพ
- หากคุณรับประทานยาตัวเมื่อมีอาการ ยาแก้ปวดจะมีประสิทธิภาพที่สุด หากใช้ในขณะที่มีสัญญาณแรกของอาการปวดเกิดขึ้น
- หากอาการของคุณยังคงอยู่หรือทรุดลง หรือหากคุณคิดว่าคุณอาจมีปัญหาทางการแพทย์ร้ายแรง ควรเข้ารับความช่วยเหลือทางการแพทย์ทันที ปรึกษาแพทย์ทันทีหากไข้ทรุดลงหรือมีอาการมากกว่า 3 วัน หรือหากอาการเจ็บทรุดลงหรือเกิดอาการมากกว่า 10 วัน
การเก็บรักษา ยาไอบูโพรเฟน
ยาไอบูโพรเฟน ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาไอบูโพรเฟน บางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้ง ยาไอบูโพรเฟน ลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ ยาไอบูโพรเฟน
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์ทราบหาก
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาไอบูโปรเฟน เป็นยากลุ่มเสี่ยงในสตรีมีครรภ์ระดับ C ใน 6 เดือนแรก และระดับ D ใน 3 เดือนสุดท้าย อ้างอิงจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (FDA)
ระดับความเสี่ยงของยาที่ห้ามใช้ในสตรีมีครรภ์ อ้างอิงจากองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา ได้แก่
- A=ไม่มีความเสี่ยง
- B=ไม่พบความเสี่ยงในบางงานวิจัย
- C=อาจมีความเสี่ยงบางประการ
- D=มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X=ห้ามใช้
- N=ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงจากการใช้ ยาไอบูโพรเฟน
เข้ารับความช่วยเหลือทางการแพทย์ทันที หากคุณมีสัญญาณใด ๆ ก็ตามของปฏิกิริยาการแพ้ ผื่น ปัญหาในการหายใจ อาการบวมบนใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้นและคอ
หยุดรับประทาน ยาไอบูโพรเฟน และเข้ารับการดูแลทางการแพทย์ หรือโทรหาแพทย์ของคุณทันที หากคุณมีผลข้างเคียงรุนแรงเหล่านี้ ได้แก่
- เจ็บหน้าอก อ่อนแรง หายใจถี่ พูดไม่ชัด มีปัญหาการมองเห็นหรือการทรงตัว
- อุจจาระเป็นเลือดหรือมีสีดำ ไอเป็นเลือด หรืออาเจียนที่ดูเหมือนกาแฟบด
- อาการบวมและน้ำหนักเพิ่มขึ้น
- ไม่มีการปัสสาวะหรือปัสสาวะน้อยลง
- คลื่นไส้ เจ็บกระเพาะช่วงบน ระคายเคือง เบื่ออาหาร ปัสสาวะสีเข้ม อุจจาระสีดินเหนียว ดีซ่าน (การตกเหลืองทางผิวหนังและดวงตา)
- เป็นไข้ เจ็บคอ และปวดหัว พร้อมกับเกิดตุ่มหรือการลอกของผิวหนังขั้นรุนแรง และผื่นแดงบนผิวหนัง
- รอยฟกช้ำ เหน็บชาอย่างรุนแรง ไร้ความรู้สึก อาการเจ็บ กล้ามเนื้ออ่อนแรง
- ปวดหัวรุนแรง คอตึง หนาวสั่น ไวต่อแสงมากขึ้น และหรืออาการชัก
อาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่รุนแรง ได้แก่
- ท้องไส้ปั่นป่วน อาการแสบร้อนกลางอกระดับเบา ท้องร่วง ท้องเสีย
- ท้องอืด แก๊สในกระเพาะ
- เวียนหัว ปวดหัว กระวนกระวาย
- ผิวหนังระคายเคืองหรือมีผื่น
- มองเห็นไม่ชัด
- เสียงก้องในหู
ไม่ใช่ทุกคนจะพบผลข้างเคียงเหล่านี้ อาจมีผลข้างเคียงบางอาการที่ไม่มีอยู่ด้านบน หากคุณมีความกังวลใด ๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรของคุณ
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาไอบูโพรเฟน อาจทำปฏิกิริยากับยาตัวอื่นที่คุณใช้อยู่ ซึ่งสามารถเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงที่รุนแรงได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา ควรแจ้งรายชื่อยาทั้งหมดที่ใช้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นยาที่แพทย์สั่ง ยาที่ซื้อรับประทานเอง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อความปลอดภัยของคุณอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนปริมาณยาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากแพทย์
บอกแพทย์ของคุณเกี่ยวกับยาทั้งหมด ที่คุณใช้อยู่ ได้แก่
- ยาแอสไพริน หรือยาตระกูล NSAIDs อื่น ๆ เช่น ยานาพรอคเซน (Naproxen) ยาเซเลคอคซิบ (Celecoxib) ยาไดคลอฟีแนค (Diclofenac) ยาอินโดเมทาซิน (Indomethacin) ยาเมโลซิแคม (Meloxicam) และอื่นๆ
- ยาหัวใจหรือความดัน อย่างเช่น ยาเบนาเซพริล (Benazepril) ยาเอนาราพริล (Enalapril) ยาลิซิโนพริล (Lisinopril) ยาควินาพริล (Quinapril) ยารามิพริล (Ramipril) และอื่นๆ
- ยาลิเทียม (Lithium)
- ยาขับปัสสาวะ (ยาขับน้ำ) อย่างเช่น ยาฟูโรเซไมด์ (Furosemide)
- ยาเมโทเตรเซท (Methotrexate)
- ยาสเตียรอยด์ (ยาเพรดนิโซน และอื่น ๆ)
- ยาเจือจางเลือด อย่างเช่น ยาวาร์ฟาริน (Warfarin)
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาไอบูโพรเฟนอาจทำปฎิกิริยากับอาหารและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยจะปรับเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดผลข้างเคียงรุนแรงอื่น ๆ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ถึงปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่อาจเกิดขึ้นได้ ก่อนใช้ยาตัวนี้
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น ๆ
ยาไอบูโพรเฟน อาจทำปฎิกิริยากับอาการโรคของคุณ อาจทำให้อาการโรคของคุณทรุดลง หรือเปลี่ยนประสิทธิภาพการทำงานของยา จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะบอกให้แพทย์และเภสัชกร รับรู้ถึงอาการโรคที่คุณกำลังเป็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งอาการโรคหรือภาวะสุขภาพดังต่อไปนี้
- โลหิตจาง
- หอบหืด
- ปัญหาการเลือดออก
- ปัญหาเรื่องลิ่มเลือด
- บวมน้ำ
- มีประวัติ โรคหัวใจวาย
- โรคหัวใจ (เช่น หัวใจล้มเหลว)
- ความดันโลหิตสูง
- โรคไต
- โรคตับ (เช่น ตับอักเสบ)
- แผลหรือเลือดออกในกระเพาะหรือลำไส้
- มีประวัติของหลอดเลือดในสมองแตก ใช้อย่างระมัดระวัง ยาตัวนี้อาจทำให้อาการเหล่านี้ทรุดลง
- มีประวัติแพ้ยาแอสไพริน ไม่ควรใช้ยาตัวนี้ในผู้ป่วยที่มีอาการนี้
- เบาหวาน ใช้อย่างระมัดระวัง ยาตัวนี้ในรูปแบบของสารละลายอาจมีส่วนผสมของน้ำตาล
- การผ่าตัดหัวใจ (อย่างเช่นการผ่าตัดบายพาสหัวใจ [CABG])—ไม่ควรใช้ยาตัวนี้ เพื่อบรรเทาอาการเจ็บ ก่อนหรือหลังการผ่าตัด
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาด ยาไอบูโพรเฟน สำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ที่ปวดประจำเดือน
- รับประทานครั้งละ 200 ถึง 400 มิลลิกรัม ทุกๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมงเท่าที่จำเป็น
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นโรคข้อเสื่อม
- ขนาดยาเริ่มต้น รับประทานครั้งละ 400 ถึง 800 มิลลิกรัม ทุกๆ 6 ถึง 8 ชั่วโมง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นข้ออักเสบรูมาตอยด์
- ขนาดยาเริ่มต้น รับประทานครั้งละ 400 ถึง 800 มิลลิกรัม ทุกๆ 6 ถึง 8 ชั่วโมง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ที่มีอาการปวดหัว
- งานวิจัย (n=34) ป้องกันอาการปวดหัวที่เกิดจากการรักษาจิตเวชด้วยไฟฟ้า (ECT)
- รับประทานครั้งละ 600 มิลลิกรัม 90 นาทีก่อนเข้ารับการรักษา
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ที่มีอาการปวด
ยารับประทานสำหรับอาการปวดระดับเบาถึงปานกลาง
รับประทานครั้งละ 200-400 มิลลิกรัม ทุก ๆ 4 ถึง 6 ชั่วโมงเท่าที่จำเป็น ไม่มีการพิสูจน์ถึงประสิทธิภาพของยาที่เพิ่มขึ้น สำหรับขนาดยาที่มากกว่า 400 มิลลิกรัม
ยาทางหลอดเลือดดำ
ผู้ป่วยควรมีความชุ่มชื้นในร่างกายเพียงพอ ก่อนให้ยาทางหลอดเลือดดำ การให้ยาบรรเทาอาการปวดทางทางหลอดเลือดดำควรให้ครั้งละ 400-800 มิลลิกรัม เป็นเวลา 30 นาที ทุก ๆ 6 ชั่วโมงที่ต้องการ
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ที่เป็นไข้
ขนาด ยาไอบูโพรเฟน สำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กที่เป็นไข้
วัยมากกว่า 6 เดือนจนถึง 12 ปี
- รับประทานยา 5 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/ต่อครั้ง ทุก ๆ 6-8 ชั่วโมงตามที่ต้องการสำหรับเด็กที่มีไข้ต่ำกว่า 39.2 องศาเซลเซียส
- รับประทานยา 10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/ต่อครั้ง ทุก ๆ 6-8 ชั่วโมงตามที่ต้องการสำหรับเด็กที่มีไข้เท่ากับหรือเกินกว่า 39.2 องศาเซลเซียส
ขนาดยาสำหรับเด็กที่มีอาการปวด
เด็กทารกและเด็กเล็ก
รับประทานยา 4-10 มิลลิกรัม/กิโลกรัม ทุก ๆ 6-8 ชั่วโมงตามที่ต้องการ
ขนาดยาสูงสุดต่อวันที่แนะนำอยู่ที่ 40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม
ขนาดยาสำหรับเด็กที่เป็นโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
วัย 6 เดือนจนถึง 12 ปี
ทั่วไป รับประทาน 30-40 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน แบ่งเป็น 3-4 ขนาดยา เริ่มขนาดยาที่ระยะต่ำสุดและคำนวณ ผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง อาจต้องรักษาด้วยขนาดยา 20 มิลลิกรัม/กิโลกรัม/วัน
ขนาดยาสำหรับเด็กที่ป่วยเป็นโรคซิสติก ไฟโบรซิส (Cystic Fibrosis)
- ยารับประทาน อาการเรื้อรังที่เป็นมานานมากกว่า 4 ปี 2 ครั้งต่อวัน ปรับขนาดยา เพื่อรักษาค่าของเหลวให้อยู่ในระดับ 50-100 ไมโครกรัม/มิลลิลิตร มีความเกี่ยวข้องต่อการชะลอการเจริญเติบโตของโรค ในผู้ป่วยเด็กที่เป็นโรคปอดระดับเบา
ขนาดยาสำหรับเด็กที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจเกิน
รูปแบบยา
ยาไอบูโพรเฟน มีรูปแบบและฤทธิ์ยาให้เลือกใช้ ได้แก่
- ยาน้ำแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน
- ยาน้ำเชื่อม (Syrup)
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน (Tablet)
- ยาแคปซูลซอฟท์เจล (Soft Gel)
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
ในกรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด แจ้งศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินท้องถิ่นหรือไปยังห้องฉุกเฉินที่ใกล้ที่สุด
อาการของการใช้ยาเกินขนาด อาจมีดังนี้ ได้แก่
- เวียนหัว
- ตาเคลื่อนไหวรวดเร็วและควบคุมไม่ได้
- หายใจช้าหรือหยุดหายใจได้ไม่นาน
- มีสีฟ้าเกิดขึ้นรอบริมฝีปาก ปากและจมูก
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ ยาไอบูโพรเฟน กลับมาใช้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างไรก็ตาม หากใกล้ถึงเวลาที่คุณจะต้องใช้ยาครั้งต่อไป ข้ามขนาดยาครั้งที่แล้ว และใช้ขนาดยาตามกำหนดการเดิม อย่าเพิ่มขนาดยา