ครีมทาหน้า มีส่วนผสมอะไรบ้างเลือกอย่างไรให้เหมาะกับผิว

ครีมทาหน้า คือครีมที่ใช้ทาบนผิวหน้าเพื่อบำรุงให้มีสุขภาพดี ครีมทาหน้าส่วนใหญ่มักมีคุณสมบัติเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง หรือช่วยลดริ้วรอยต่าง ๆ โดยครีมทาหน้าแบ่งเป็น 2 ประเภท คือครีมสำหรับใช้กลางวันและสำหรับใช้กลางคืน ทั้งนี้ การเลือกซื้อครีม ควรเลือกให้เหมาะกับสภาพผิว เช่น ไม่เลือกครีมที่มีน้ำมันหรือขี้ผึ้งเป็นส่วนผสม เพราะอาจทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ ควรหลีกเลี่ยงครีมที่มีส่วนผสมบางอย่าง เช่น น้ำหอม กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) พาราเบน (Paraben) เพราะอาจเป็นสาเหตุของอาการแพ้หรือระคายเคืองได้

ครีมทาหน้า คืออะไร

ครีมทาหน้า หมายถึง ครีมบำรุงผิวที่ใช้ทาบริเวณใบหน้า เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ป้องกันอาการผิวแห้ง รวมถึงช่วยให้ผิวหนังเต่งตึง ลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ และจุดด่างดำให้ดูจางลง

โดยทั่วไป ครีมทาหน้าแบ่ง 2 ประเภท คือครีมสำหรับทากลางวัน และครีมสำหรับทากลางคืน ซึ่งมีข้อแตกต่างกัน ดังนี้

• เวลาใช้ ครีมกลางวัน ใช้ทาในตอนเช้าร่วมกับครีมกันแดดก่อนออกนอกบ้าน ขณะที่ครีมกลางคืน ใช้ทาก่อนนอนประมาณ 30 นาที อย่างไรก็ตาม ควรใช้ครีมทาหน้าหลังจากล้างหน้าให้สะอาดแล้วซับให้แห้งก่อน
• ผิวสัมผัส ครีมกลางวันมักมีผิวสัมผัสที่บางเบาเนื่องจากในตอนกลางวัน อาจมีเหงื่อออกทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะได้ง่าย ในขณะที่ครีมกลางคืนมักมีผิวสัมผัสที่หนาและหนักกว่าเพื่อบำรุงและฟื้นฟูผิวขณะนอนหลับได้ดีกว่า
• การดูดซึม ครีมกลางวันจะถูกดูดซึมเข้าสู่ผิวหนังได้ง่ายและไวกว่าครีมกลางคืน
• ส่วนผสม ส่วนผสมของครีมกลางวัน จะเน้นไปในกลุ่มที่ช่วยป้องกันผิวหน้าจากแสงแดดและมลภาวะต่าง ๆ ในขณะที่ครีมกลางคืน จะเน้นไปในกลุ่มที่มีคุณสมบัติบำรุงผิวและฟื้นฟูผิว

ส่วนผสมใน ครีมทาหน้า

ส่วนผสมหลัก ๆ ที่อาจพบได้ใน ครีมทาหน้า ประกอบด้วย

ครีมกลางวัน

• ครีมกันแดด มีคุณสมบัติป้องกันผิวหน้าจากรังสีอัลตราไวโอเลตในแสงแดดซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของริ้วรอยต่าง ๆมีผิวสีเข้มหรือไหม้จากการเผชิญกับแสงแดด รวมทั้งฝ้า กระ จุดด่างดำ
• วิตามินซี มีคุณสมบัติกระตุ้นให้ร่างกายสร้างโปรตีนคอลลาเจน (Collagen) ทำให้ผิวหนังเต่งตึง ดูอ่อนกว่าวัย นอกจากนี้ วิตามินซียังช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระเมื่อเผชิญกับแสงแดด รวมถึงช่วยทำให้สีผิวแลดูสม่ำเสมอยิ่งขึ้น เพราะมีประสิทธิภาพยับยั้งการผลิตเม็ดสีของผิวหนัง

ครีมกลางคืน

• เรตินอล (Retinoids) เป็นสารในกลุ่มเรตินอยด์ หรือสารประกอบในวิตามินเอ มีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นให้เกิดการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดริ้วรอย และทำให้จุดด่างดำดูจางลง
• กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids) เป็นกลุ่มกรดในธรรมชาติที่พบได้ในอาหารชนิดต่าง ๆ กรดอัลฟาไฮดรอกซี มีคุณสมบัติช่วยผลัดเซลล์ผิว ทำให้ผิวพรรณนุ่มนวลขึ้น และยังเป็นส่วนผสมที่ทำให้ครีมซึมซาบสู่ผิวได้ง่ายขึ้น
• กรดไฮยาลูรอนิค (Hyaluronic Acid) มีคุณสมบัติส่งเสริมการกักเก็บน้ำของผิวหนัง ช่วยป้องกันผิวแห้ง และยังช่วยลดความลึกของริ้วรอย ด้วยการช่วยให้ให้ผิวหน้ากระชับเต่งตึงยิ่งขึ้น

เลือกซื้อครีมทาหน้า ให้เหมาะกับสภาพผิว

สภาพผิวของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป ดังนั้น จึงควรเลือกครีมให้เหมาะสมกับสภาพผิวเพื่อการบำรุงผิวที่ได้ผลดียิ่งขึ้น ดังนี้

1. ผิวแห้งหรือผิวแพ้ง่าย ควรเลือกครีมทาหน้า ที่มีสารประกอบต่อไปนี้เป็นส่วนผสม

2. ผิวมัน หรือเป็นสิวง่าย ควรเลือกครีมทาหน้า โดยพิจารณาจากปัจจัยต่อไปนี้

• ควรหลีกเลี่ยงเนื้อครีมบางชนิด ได้แก่ ครีมที่น้ำมัน ขึ้ผึ้ง หรือปิโตรเลียมเจลลีเป็นส่วนผสม เนื่องจากสารดังกล่าว อาจไปอุดตันรูขุมขนและทำให้เป็นสิวได้ง่ายขึ้น
• กรดไกโคลิค (Glycolic Acid) ผู้ที่มีผิวหน้ามัน ควรเลือกครีมที่มีส่วนผสมของกรดไกโคลิค เนื่องจากมีส่วนช่วยลดน้ำมันส่วนเกินบนใบหน้า และป้องกันการอุดตันของรูขุมขนที่ทำให้เกิดสิวได้ นอกจากนั้นยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนอีกด้วย
• กรดไฮยาลูรอนิค หรือ ไฮยาลูรอน มีคุณสมบัติในการคืนความชุ่มชื้นให้แก่ผิว และคงความชุ่มฉ่ำให้ผิวตามธรรมชาติ รวมทั้งมีส่วนช่วยให้ผิวแลดูเรียบเนียน

ส่วนผสมในครีมทาหน้าที่ควรหลีกเลี่ยง

เมื่อเลือกซื้อครีมทาหน้า ควรหลีกเลี่ยงการเลือกซื้อครีมทาหน้าที่มีสารเหล่านี้เป็นส่วนผสม เพราะอาจเป็นสาเหตุของอาการแพ้และเป็นอันตรายต่อผิวได้

• น้ำหอม อาจทำให้ผิวหน้าระคายเคือง หรือมีอาการแพ้ อาการที่พบได้ทั่วไปเมื่อแพ้น้ำหอมประกอบด้วย ผื่นแดงขึ้น และรู้สึกคันตามใบหน้า
• กรดซาลิไซลิก เป็นกรดอ่อน ๆ ที่มีคุณสมบัติช่วยให้เกิดการผลัดเซลล์ผิว และทำให้ผิวหน้าดูเรียบเนียนยิ่งขึ้น ทั้งนี้ กรดซาลิไซลิกอาจทำให้ผิวหน้าระคายเคืองได้ โดยเฉพาะในกรณีของผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย
• พาราเบน เป็นสารที่ผสมในครีมทาหน้าเพื่อป้องกันครีมบูดหรือเสียเร็ว แต่อาจเป็นสาเหตุของการแพ้ระดับทั่วไปและรุนแรง รวมทั้งทำให้รูขุมขนอุดตันได้
• ฟอร์มาลดีไฮด์ (Formaldehyde) เป็นสารที่อาจทำให้ผิวหนังเกิดการระคายเคือง รวมถึงอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ทั้งในระดับทั่วไปและรุนแรง นอกจากนี้ การสูดดมฟอร์มาลดีไฮด์ยังอาจกระตุ้นอาการหอบหืดได้