backup og meta

แบ่งปัน

หรือ คัดลอกลิงก์

แคะขี้มูก อันตรายจริงไหม ยิ่งใช้นิ้วมือแคะยิ่งอันตรายจริงหรือเปล่า

แคะขี้มูก อันตรายจริงไหม ยิ่งใช้นิ้วมือแคะยิ่งอันตรายจริงหรือเปล่า

สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงทั้งอากาศร้อน ชื้น หนาว มีผลต่อสุขภาพของเราทั้งสิ้น บางคนอาจเป็นหวัด บางคนอาจมีไข้ และบางคนอาจมีขี้มูกมากเนื่องจากเป็นหวัด ซึ่งเมื่อ ขี้มูก ก่อตัวจนอัดแน่นเต็มจมูก จนทำให้เรามักจะรู้สึกรำคาญ คัดจมูก หรือหายใจไม่ออก และในท้ายที่สุดเราจึงตัดปัญหาด้วยเอาเอานิ้วแหย่เข้าไปข้างในรูจมูกเพื่อ แคะขี้มูก ออกมา ฟังดูก็เป็นเรื่องปกติที่ใคร ๆ ก็ทำกัน แต่…การใช้นิ้วแคะขี้มูกเป็นสิ่งที่เหมาะสมในการทำความสะอาดขี้มูกแล้วจริง ๆ หรือ?

[embed-health-tool-bmi]

ขี้มูก คืออะไร

ร่างกายของเราสร้างขี้มูกขึ้นมาเพื่อปกป้องร่างกายจากเชื้อโรค ไวรัส แบคทีเรีย และสิ่งสกปรกที่เราหายใจหรือสูดดมเข้าไปทุกวัน โดยแรกเริ่มขี้มูกจะมีลักษณะเป็นเมือกเพื่อดักจับเอาเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ไว้ ป้องกันไม่ให้หลุดลอดเข้าไปในระบบทางเดินหายใจ เมื่อดักจับสิ่งต่าง ๆ ได้พักหนึ่งแล้วขนเล็ก ๆ ในจมูกก็จะเคลื่อนย้ายเอาเมือกที่ดักจับสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้ไปยังด้านหน้าของจมูก ก่อนที่เมือกเหล่านั้นจะค่อย ๆ แห้งและกลายเป็น ขี้มูก ในที่สุด

ทำไมเราถึง แคะขี้มูก

เราแคะขี้มูก ด้วยเหตุผลที่แตกต่างกัน ดังนี้

  • ขี้มูกตันจมูกจนปิดกั้นระบบทางเดินหายใจ ทำให้รู้สึกอัดอัดที่จมูก หายใจไม่สะดวก ส่งผลให้หายใจไม่ค่อยออก
  • เป็นโรคภูมิแพ้ ซึ่งเมื่อเกิดอาการแพ้ขึ้นจะทำให้เกิดเมือกในจมูกเพิ่มมากขึ้นและสุดท้ายก็จะแห้งกลายเป็นขี้มูกจำนวนมากจนอุดกั้นการหายใจ หรือทำให้หายใจไม่ออก
  • โครงสร้างกะบังของจมูกที่แตกต่างกัน บางคนอาจมีกะบังจมูกที่เบี่ยงเบน จากที่ปกติกระดูกอ่อนจะอยู่กึ่งกลางระหว่างโพรงจมูกทั้งสองข้าง แต่กลับมีกระดูกอ่อนเบี่ยงเบนออกมาที่ข้างใดข้างหนึ่งมากจนเกินไป จนอาจทำให้หายใจไม่สะดวก และถ้ามีขี้มูกมากก็จะยิ่งคัดจมูกและหายใจไม่ออกมากกว่าปกติด้วย เพราะเหลือช่องว่างของโพรงจมูกน้อย
  • เป็นพฤติกรรมที่ทำจนเป็นนิสัย หลายคนมีพฤติกรรมบางอย่างที่ทำบ่อย ๆ จนกระทั่งติดเป็นนิสัย เช่น การดึงผม การกัดเล็บ การแคะขี้มูก
  • เพื่อดูแลรักษาภาพลักษณ์ ลองนึกภาพว่ากำลังพูดอยู่แล้ว ขี้มูก ก็ปรากฎออกมาที่จมูกจนเห็นได้ชัด คงจะทำให้บุคลิกภาพดูไม่ดีสักเท่าไหร่นัก ดังนั้น การแคะขี้มูกและจัดการทำความสะอาดจมูกให้เรียบร้อยก่อนออกทำกิจกรรมในที่สาธารณะสามารถเพิ่มความมั่นใจในตัวบุคคลได้

อันตรายจากการแคะจมูก

การแคะขี้มูก หรือการแคะจมูก แม้จะทำด้วยเหตุผลที่ต่างกัน ไม่ว่าจะเพื่อการตัดความรำคาญ การทำจนติดเป็นนิสัย หรือทำเพราะหายใจไม่สะดวก ซึ่งไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม การแคะ ขี้มูก ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะสามารถก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อสุขภาพบางประการ ดังนี้

แคะขี้มูก-อันตราย-เชื้อโรค

  • เล็บของคนเรามีความแข็งและคม หากแคะขี้มูกด้วยความรุนแรง เล็บอาจทิ่มเข้าที่ผิวหนังในรูจมูกซึ่งมีความบอบบางจนเป็นแผล ทำให้มีเลือดออก เป็นเลือดกำเดาไหล หรืออาจทำลายเนื้อเยื่อและโครงสร้างภายในโพรงจมูก
  • นิ้วมือและเล็บ เป็นแหล่งสะสมชั้นดีของเชื้อโรคและแบคทีเรีย การนำนิ้วมือแหย่เข้าไปในรูจมูก อาจนำเอาเชื้อโรคและแบคทีเรียติดเข้าไปด้วย อาจทำให้เชื้อโรคบางอย่างถูกส่งต่อผ่านเข้าไปยังระบบทางเดินหายใจ จนเกิดการติดเชื้อและส่งผลต่ออาการทางสุขภาพ เช่น เป็นหวัด
  • การแพร่กระจายของแบคทีเรียและเชื้อไวรัส แบคทีเรียและเชื้อไวรัสที่อยู่ใน ขี้มูก อาจแพร่กระจายไปยังพื้นผิวและสภาพแวดล้อมอื่น ๆโดยเฉพาะถ้าแคะขี้มูกแล้วไม่ล้างมือให้สะอาด เชื้อโรคหรือแบคทีเรียจากขี้มูกก็จะติดอยู่ที่มือ และส่งผ่านไปยังสภาพแวดล้อมต่าง ๆ

จะเลิก แคะขี้มูก ได้อย่างไร

สาเหตุที่ทำให้เราต้องแคะขี้มูกนั้นต่างที่มาและไม่เหมือนกัน การจะหยุดแคะขี้มูกได้ก็จำเป็นต้องแก้ที่สาเหตุก่อน โดยอาจใช้วิธีดังต่อไปนี้เพื่อหยุดแคะขี้มูก

รักษาความชุ่มชื้นภายในจมูก

ยิ่งจมูกแห้งเท่าไหร่ ขี้มูก ก็จะยิ่งแห้งและอุดตันเต็มรูจมูกมากเท่านั้น จึงจำเป็นต้องเพิ่มความชุ่มชื้นภายในโพรงจมูกด้วยการปฏิบัติ ดังนี้

  • ดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ร่างกาย
  • ฉีดน้ำเกลือหรือสเปรย์น้ำเกลือใส่จมูก เพื่อเพิ่มความชื้นให้แก่โพรงจมูก
  • ทาน้ำมันมะพร้าวบาง ๆ ภายในรูจมูก แต่กลิ่นของน้ำมันมะพร้าวอาจรบกวนคุณตลอดทั้งวัน สามารถใช้น้ำมันที่มีคุณสมบัติเดียวกันกับน้ำมันมะพร้าวแต่ให้กลิ่นที่หอมกว่าได้
  • ล้างรูจมูกด้วยน้ำอุ่น โดยอาจใช้หลอดฉีดเข้าที่จมูก ใช้ที่ฉีดแบบสเปรย์ หรือใช้กาเนติ (Neti Pot)
  • พยายามอยู่ในสถานที่ที่มีความชื้นอย่างเหมาะสม หรืออาจใช้เครื่องเพิ่มความชื้นในอากาศกรณีอยู่ในห้องที่ไม่มีอากาศถ่ายเท

รักษาอาการทางสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับจมูก

หลายคนต้องแคะขี้มูกบ่อย ๆ เพราะเป็นภูมิแพ้ ไซนัส หรือมีอาการทางสุขภาพอื่น ๆ ที่ส่งผลให้เกิด ขี้มูก ในรูจมูกมากมาย การดูแลรักษาอาการทางสุขภาพของตนเองที่เป็นอยู่ให้ดีขึ้นด้วยการรับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง

การผ่าตัด หรือการหลีกเลี่ยงปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เกิดขี้มูกเยอะ ก็จะลดความเสี่ยงที่จะแคะขี้มูกให้น้อยลงได้ หรือควรไปพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการรักษาให้หายขาด

ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม

บางคนแม้ไม่มีขี้มูกแต่ก็ขอให้ได้เอามือเข้าไปแคะในรูจมูก ซึ่งทำบ่อยจนกระทั่งกลายเป็นพฤติกรรมที่แก้ได้ยาก อย่างไรก็ตาม บางครั้งอาจเป็นผลมาจากความเครียด ซึ่งอาจจำเป็นจะต้องหาตัวช่วยในการคลายความเครียด เช่น การนั่งสมาธิ การไปทำกิจกรรมที่สนุก ๆ หรือไปพบกับคุณหมอเพื่อทำการบำบัด

นอกจากนี้การเตือนสติตัวเองไม่ให้เอานิ้วแหย่เข้ารูจมูกก็เป็นอีกหนึ่งวิธีในการเริ่มปรับตัวไม่ให้คล้อยตามพฤติกรรมเดิมที่ทำมา

วิธีกำจัดขี้มูกอย่างเหมาะสม

ขี้มูก ทั้งที่แห้งแล้ว หรือที่ยังเป็นเมือกอยู่ จำเป็นที่จะต้องกำจัดหรือทำความสะอาดออกจากรูจมูก เพราะถ้าปล่อยให้สะสมเอาไว้จนเต็ม ขี้มูกเหล่านี้อาจไหลย้อนกลับลงสู่ลำคอและเข้าสู่กระเพาะอาหารได้ แต่…การแคะขี้มูกเป็นวิธีที่ไม่เหมาะสม จึงอาจใช้วิธีดังต่อไปนี้แทนการใช้นิ้วมือแคะขี้มูกโดยตรง

  • ล้างมือก่อนเสมอ เพื่อความสะอาดและความปลอดภัย ควรล้างมือให้สะอาดทั้งก่อนและหลังแคะขี้มูก เพราะทั้งนิ้วมือ เล็บมือ และขี้มูก มีการสะสมและสัมผัสกับเชื้อโรคและแบคทีเรียอยู่ไม่น้อย 
  • ใช้กระดาษทิชชู่ แทนการใช้นิ้วมือเปล่า ๆ เนื่องจากนิ้วมือและเล็บของเราก็สัมผัสกับเชื้อโรคและแบคทีเรียตลอดทั้งวัน ขี้มูกเองก็ดักจับเอาเชื้อโรคและแบคทีเรียไว้ไม่น้อย ดังนั้นเพื่อป้องกันการนำเชื้อโรคจากเข้านอกเข้าสู่ข้างในร่างกาย และเพื่อป้องกันการสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียในขี้มูก ควรใช้กระดาษทิชชู่พันนิ้วให้รอบก่อนแคะขี้มูก ป้องกันไม่ให้นิ้วมือและเล็บสัมผัสกับ ขี้มูก โดยตรง
  • ไม่ควรใช้นิ้วดันเข้าไปในจมูกลึกเกิน เนื่องจากอาจเป็นอันตรายต่อโครงสร้างและเนื้อเยื่อภายในจมูก
  • สั่งขี้มูกออกมา หากขี้มูกมีลักษณะเหลวหรือเป็นเมือก อาจจะสามารถสั่งออกมากได้ง่ายหน่อย แต่ถ้าขี้มูกแห้งแล้วอาจยากต่อการสั่งขี้มูก ให้เพิ่มความชุ่มชื้นภายในโพรงจมูกก่อน อาจเป็นการฉีดน้ำเกลือหรือน้ำอุ่นเข้าจมูก เมื่อรู้สึกว่าจมูกมีความชื้นพอสมควรแล้วค่อยสั่งขี้มูกออกมา หรืออาจใช้กระดาษทิชชู่เช็ดทำความสะอาดแทน
  • ไม่ควรใช้สำลีก้านหรือสำลีก้อน ถึงแม้ว่าจะมีรูปร่างขนาดเล็ก สามารถแหย่เข้าไปในรูจมูกได้ง่าย แต่เราไม่สามารถกะเกณฑ์ได้ว่าก้านสำลีเข้าไปลึกแค่ไหนแล้ว จึงถือว่าอันตรายหากแหย่เข้าไปลึกเกินจนกระทั่งโดนจุดสำคัญในจมูก

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Why Boogers are Gross but So Good For Your Health (Infographic). https://www.unitypoint.org/livewell/article.aspx?id=78a0011a-bc34-4990-af87-f73bebc5ffd5. Accessed on October 20, 2020.

How harmful is it to pick your nose?. https://wexnermedical.osu.edu/blog/how-harmful-is-it-to-pick-your-nose. Accessed on October 20, 2020.

What to know about nose picking. https://www.medicalnewstoday.com/articles/nose-picking. Accessed on October 20, 2020.

You Asked: Is It Bad To Pick Your Nose?. https://time.com/5178277/is-it-bad-to-pick-your-nose/. Accessed on October 20, 2020.

What to Know About Nose Picking?. https://www.webmd.com/parenting/what-to-know-nose-picking. Accessed July 30, 2023.

Researchers dig into why nose-picking is a common behavior. https://www.npr.org/2022/11/15/1136423436/researchers-dig-into-why-nose-picking-is-a-common-behavior. Accessed July 30, 2023.

เวอร์ชันปัจจุบัน

30/11/2023

เขียนโดย Khongrit Somchai

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล

avatar

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย Khongrit Somchai · แก้ไขล่าสุด 30/11/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา