Hello คุณหมอ เข้าใจดีว่า หลายคนต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ตื่นเช้ามารีบออกไปทำงาน กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึกดื่น วันหยุดก็อยากนอน ไม่อยากทำอะไร บางครั้ง ความเร่งรีบในการดำเนินชีวิตก็อาจทำให้คุณละเลยการดูแลทำความสะอาดบ้าน จนบ้านมีฝุ่นละอองสะสมตามที่ต่าง ๆ และหากคุณเองก็เป็นคนหนึ่งที่ปล่อยให้บ้านรก ฝุ่นเขรอะ เราอยากแนะนำให้คุณรีบทำความสะอาดบ้านโดยด่วน เพราะนอกจากจะทำให้บ้านดูสกปรก ไม่น่าอยู่แล้ว แบคทีเรียในฝุ่นละออง ยังอาจทำให้คุณป่วยได้อีกด้วย
แบคทีเรียในฝุ่นละออง กับปัญหาสุขภาพ
ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า แบคทีเรียในฝุ่นละอองส่งผลกระทบต่อการทำงานของเซลล์เม็ดเลือดขาว T helper 1 (Th1) และ Th17 ที่คอยกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันต่อสู้กับเชื้อแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส และเซลล์มะเร็ง เสียสมดุล จนนำไปสู่การติดเชื้อที่นิวโทรฟิล (Neutrophil) ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ทำหน้าที่ต่อต้านเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ร่างกายจึงต่อต้านเชื้อดังกล่าวได้น้อยลง ความเสี่ยงในการเกิดโรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง (Emphysema) โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic obstructive pulmonary disease หรือ COPD) และโรคมะเร็งปอดจึงเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังมีงานศึกษาวิจัยที่ชี้ว่า แบคทีเรียจากนอกบ้านที่เล็ดลอดเข้าไปในบ้านเวลาเราเปิดประตูหน้าต่าง หรืออาจติดตามตัวเราเวลาเราออกไปข้างนอก และเข้าไปฟุ้งกระจายอยู่ในบ้าน อาจทำให้เชื้อแบคทีเรียในฝุ่นละอองกลายเป็นแบคทีเรียดื้อต่อยาปฏิชีวนะ (Antibiotic resistance) หรือที่เรียกว่า “เชื้อดื้อยา” ได้ และหากเกิดการติดเชื้อดื้อยา การรักษาด้วยยาตัวเดิมที่เคยใช้ได้ผล ก็อาจจะไม่ได้ผลอีกต่อไป
แสงแดด… อาวุธลับ ปราบ แบคทีเรียในฝุ่นละออง
แบคทีเรียในฝุ่นละอองเป็นตัวการก่อโรคที่เราไม่ควรปล่อยไว้ ทางที่ดี คุณจึงควรทำความสะอาดบ้าน ปัดฝุ่น ดูดฝุ่นละอองที่เกาะอยู่ตามจุดต่าง ๆ ในบ้านเป็นประจำทุกวัน แต่เราก็เข้าใจว่า บางคนอาจไม่สะดวกทำความสะอาดบ้านทุกวัน หากเป็นอย่างนั้น เราอยากให้คุณเปิดหน้าต่าง หรือเปิดม่านเพื่อรับแสงแดดบ้าง เพราะงานศึกษาวิจัยของมหาวิทยาลัยโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่เผยแพร่ในวารสาร Microbiome ระบุว่า การปล่อยให้แสงแดดส่องเข้ามาในบ้าน สามารถช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียในฝุ่นละอองได้
ทีมนักวิจัยได้สร้างห้องขนาดเล็กขึ้นมา 7 ห้องโดยจำลองมาจากห้องพักอาศัยจริง พวกเขาควบคุมสภาพอากาศของทั้ง 7 ห้องให้เหมือนกันทุกประการ จากนั้นจึงนำฝุ่นที่เก็บจากบ้านคนมาทิ้งไว้ในห้องแต่ละห้อง แล้วจึงเคลือบกระจกของแต่ละห้องให้มีลักษณะต่างกัน 3 ลักษณะคือ
- กระจกใสที่แสงธรรมชาติ สามารถผ่านได้เกือบ 100%
- กระจกที่แสงยูวีผ่านได้
- กระจกทึบที่แสงไม่สามารถลอดผ่านได้เลย ทำให้ห้องมืดสนิท
หลังจากนั้น 90 วัน ทีมนักวิจัยได้เก็บฝุ่นละอองจากในแต่ละสภาพแวดล้อมมาวิเคราะห์องค์ประกอบ ความสมบูรณ์ และความสามารถในการดำรงชีวิตและการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่อยู่ในฝุ่นละออง ผลการวิเคราะห์ออกมาว่า ห้องที่มืดสนิทมีเชื้อแบคทีเรียอยู่ประมาณ 12% และเชื้อแบคทีเรียเหล่านี้สามารถเจริญเติบโตและขยายพันธุ์ต่อไปได้ด้วย ในขณะที่ห้องที่ได้รับแสงแดด จะมีแบคทีเรียอยู่แค่ 6.8% ส่วนห้องที่ได้รับแสงยูวีจะมีแบคทีเรียอยู่เพียง 6.1% เท่านั้น
ทีมนักวิจัยแนะนำว่า อาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ควรเปิดรับแสงแดดบ้าง เพราะแสงแดดสามารถทำลายจุลินทรีย์ในฝุ่นละออง เช่น แบคทีเรีย จึงสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะติดเชื้อที่เกิดจากฝุ่นละอองได้
เคล็ดลับกำจัดฝุ่นและแบคทีเรียอย่างได้ผล
ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า หากคุณอยากกำจัดฝุ่นละออง และแบคทีเรียในฝุ่นละอองภายในบ้านอย่างมีประสิทธิภาพ คุณควรทำตามเคล็ดลับเหล่านี้
- เริ่มทำความสะอาดบ้านโดยการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดฝุ่นตามเฟอร์นิเจอร์ และประตูหน้าต่างให้สะอาด โดยไล่จากที่สูงลงที่ต่ำ อย่าใช้ไม้ปัดฝุ่น เพราะมีแต่จะทำให้ฝุ่นละอองกระจายฟุ้งไปทั่วบ้าน
- กำจัดฝุ่นเสร็จแล้ว จึงค่อยเริ่มดูดฝุ่น และถูพื้นตามห้องต่าง ๆ โดยเริ่มจากตามซอกมุมของห้อง หมุนวนตามเข็มนาฬิกา และทำความสะอาดไล่จากหลังบ้านไปหน้าบ้าน
- อย่าใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ผืนเดียวเช็ดฝุ่นละอองทั่วบ้าน คุณควรใช้ผ้าหนึ่งผืนต่อหนึ่งห้อง หรือหากเป็นบริเวณใหญ่ ๆ เช่น ห้องนั่งเล่น ก็ควรเปลี่ยนผ้าผืนใหม่ หากรู้สึกว่าผ้าสกปรกมากแล้ว
- อย่าใช้น้ำยาทำความสะอาดมากเกินไป เพราะน้ำยาทำความสะอาดบางชนิดอาจมีสารเคมีอันตรายเป็นส่วนประกอบ เมื่อสูดดมเข้าไปอาจทำให้ทางเดินหายใจระคายเคือง หรือเป็นพิษต่อร่างกาย หรือหากสัมผัสผิวหนัง ก็อาจทำให้ระคายเคืองที่ผิวหนังได้ด้วย
แบคทีเรียในฝุ่นละออง เป็นตัวการก่อโรคอีกชนิดที่คุณไม่ควรละเลย แนะนำว่า คุณควรทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เพื่อไม่ให้มีฝุ่นละอองสะสมอยู่ในบ้าน เมื่อบ้านปราศจากฝุ่นละออง และเชื้อจุลินทรีย์ก่อโรคอย่างแบคทีเรีย ไวรัส เชื้อรา และอื่น ๆ ความเสี่ยงในการเกิดปัญหาสุขภาพบางประการก็จะน้อยลง โดยเฉพาะโรคระบบทางเดินหายใจ และสุขภาพของคุณก็จะดีขึ้นอย่างแน่นอน