โรคไตเรื้อรังจากเบาหวาน เป็นหนึ่งในภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรคเบาหวาน โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ควบคุมอาการของโรคเบาหวานได้ไม่ดี อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในสาเหตุของการเสียชีวิตที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ดังนั้น จึงควรเรียนรู้เกี่ยวกับอาการและวิธีรับมือโรคไตเรื้อรังจากเบาหวาน เพื่อให้สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายนี้ได้อย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-bmi]
โรคไตเรื้อรังจากเบาหวาน คืออะไร?
โรคไตเรื้อรังจากเบาหวานเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงานของไต การที่ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าระดับปกติ จะเข้าไปทำลายเซลล์ไตให้เกิดความเสียหาย การทำงานของไตจะลดลงเรื่อย ๆ ซึ่งอาจนำไปสู่การมีโปรตีนในปัสสาวะและเกิดภาวะไตวายในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูงจะเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เกิด โรคไตเรื้อรัง จากเบาหวานก็ตาม แต่ในปัจจุบัน ยังไม่มีข้อระบุที่แน่ชัดถึงสาเหตุที่แท้จริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสาเหตุและปัจจัยหลาย ๆ อย่าง เช่น น้ำหนักเกินมาตรฐานหรือภาวะอ้วน สมาชิกในครอบครัวเคยมีประวัติเป็นโรคไตและโรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง สูบบุหรี่ ความดันโลหิตสูง
อาการของโรคไตเรื้อรังจากเบาหวาน
อาการของโรคไตจากผู้ป่วยโรคเบาหวานในระยะแรก จะไม่มีอาการแสดงออกให้เห็นชัดเจน จนกว่าจะเข้าสู่ระยะสุดท้ายของ โรคไตเรื้อรัง โดยมีอาการที่พบบ่อย ดังต่อไปนี้
- เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- ปวดศีรษะ
- ผิวแห้ง และมีอาการคันอย่างต่อเนื่อง
- คลื่นไส้และอาเจียน
- อาการบวมที่แขนและขา
- หายใจถี่
- อาการมึนงง สับสน
วิธีการรักษาโรคไตเรื้อรังจากเบาหวาน
ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ที่มีภาวะไมโครอัลบูมิน (Microalbuminuria) หรือมีโปรตีนในปัสสาวะ แพทย์มักรักษาด้วยการให้ยาลดความดันโลหิตกลุ่มแองจิโอเทนซิน-คอนเวอร์ติง เอนไซม์ (Angiotensin-Converting Enzyme inhibitors หรือ ACE inhibitor) หรือกลุ่มยาต้านตัวรับแองจิโอเทนซิน (Angiotensin Receptor Blockers หรือ ARBs)
วิธีการป้องกันเพื่อลดความเสี่ยงต่อการเกิด โรคไตเรื้อรัง จากเบาหวาน
เราสามารถลดภาวะแทรกซ้อนของโรคไตเรื้อรังจากเบาหวานได้ ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป
- ควบคุมระดับน้ำตาลในเลืด ด้วยการตรวจสอบวัดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างสม่ำเสมอ
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่
- ควบคุมน้ำหนัก รักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน
- กำจัดปริมาณโซเดียมลดลงเหลือ 1,500-2,000 มก./ดล.
- ควบคุมระดับคอเลสเตอรอลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ