อาจช่วยบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยเรื้อรังได้
สารให้ความเผ็ดร้อนในขิงอย่างสารจินเจอรอลอาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับอาหารออกจากกระเพาะอาหาร ทำให้อาหารผ่านกระเพาะอาหารไปสู่ลำไส้ได้เร็วขึ้น ทั้งยังช่วยกระตุ้นการบีบตัวของกระเพาะอาหาร จึงอาจช่วยรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินทางอาหาร และบรรเทาอาการอาหารไม่ย่อยเรื้อรังได้
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร World Journal of Gastroenterology เมื่อเดือนมกราคม พ.ศ. 2554 ศึกษาเกี่ยวกับ ฤทธิ์ของขิงต่อการเคลื่อนไหวของทางเดินอาหารและฤทธิ์ต่ออาการของโรคกระเพาะอาหารแปรปรวนโดยไม่ทราบสาเหตุ (Functional dyspepsia) โดยการทดลองให้กลุ่มตัวอย่างอดอาหาร 8 ชั่วโมง ก่อนจะให้รับประทานซุปที่มีสารอาหารต่ำ หลังจากนั้น 1 ชั่วโมง จึงให้กลุ่มแรกรับประทานผงรากขิงปริมาณ 1.2 กรัม ส่วนกลุ่มที่ 2 รับประทานยาหลอก ผลปรากฎว่า กลุ่มที่รับประทานขิงมีความเร็วในการบีบอาหารออกจากกระเพาะอาหารรวดเร็วกว่ากลุ่มที่รับประทานยาหลอก โดยกลุ่มที่รับประทานขิงใช้เวลา 12 นาทีครึ่ง ในขณะที่ผู้ที่ได้รับยาหลอกใช้เวลา 16.1 นาที อีกทั้งกระเพาะอาหารของกลุ่มที่รับประทานขิงยังบีบตัวได้ถี่กว่า จึงอาจสรุปได้ว่า การรับประทานขิงหรือน้ำขิงมีส่วนช่วยกระตุ้นการบีบอาหารออกจากกระเพาะอาหารและเพิ่มการบีบตัวของทางเดินอาหารในผู้ป่วยโรคกระเพาะอาหารแปรปรวนที่มีอาการอาหารไม่ย่อยได้
อาจช่วยรักษาโรคข้อเข่าเสื่อม
ขิงมีสารจินเจอรอลที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระและต้านการอักเสบ จึงอาจช่วยรักษาโรคที่เกิดจากข้อต่ออักเสบ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม (Knee osteoarthritis) ซึ่งเป็นโรคข้อเสื่อมที่เกิดจากการเสื่อมของกระดูก ทำให้มีภาวะอักเสบ และส่งผลต่อการทำงานของกระดูกข้อต่อ ซึ่งมักส่งผลต่อคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Journal of Clinical Orthopaedics and Trauma ฉบับเดือนตุลาคม-ธันวาคม พ.ศ. 2561 ศึกษาเกี่ยวกับ โภชนเภสัช (Nutraceuticals) หรืออาหารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพที่ใช้ในการรักษาโรคข้อเข่าเสื่อมในประเทศอินเดีย พบว่า การรับประทานขิงสามารถลดปริมาณสารที่ร่างกายสร้างขึ้นเพื่อตอบสนองต่อการอักเสบ เช่น ซี-รีแอคทีฟ โปรตีน (C-reactive Protein) ไนตริกออกไซด์ (Nitric oxide) ของผู้ป่วยโรคข้อเข่าเสื่อมได้อย่างมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับผู้ป่วยที่รับประทานยาหลอก จึงอาจสรุปได้ว่า ขิงสามารถลดภาวะข้อเข่าอักเสบของผู้ป่วยได้ แต่ยังต้องศึกษาวิจัยเพิ่มเติมต่อไป
ข้อควรระวังในการบริโภคน้ำขิง
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย