2. ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคเริม การติดเชื้อเอชไอวี โรคหนองใน โรคซิฟิลิส ส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน หรือสัมผัสกับเชื้อแบคทีเรียจากสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ การช่วยตัวเองจึงเป็นกิจกรรมทางเพศที่อาจลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เหล่านี้ได้ และที่สำคัญ ยังช่วยลดโอกาสในการตั้งครรภ์สำหรับผู้ที่ยังไม่พร้อมมีบุตรได้ด้วย จึงอาจช่วยลดปัญหาท้องไม่พร้อม ทำแท้ง เป็นต้น
3. อาจช่วยป้องกันโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร European Urology เมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2560 ทำการศึกษาเกี่ยวกับความถี่ในการหลั่งน้ำอสุจิและความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก โดยการรวบรวมข้อมูลจากการให้กลุ่มตัวอย่างเพศชาย 31,925 คน ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความถี่ในการหลั่งน้ำอสุจิ ครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2535 และตามเก็บข้อมูลถึงปี พ.ศ. 2553 พบว่าผู้ชายที่มีความถี่ในการหลั่งน้ำอสุจิอย่างน้อย 21 ครั้ง/เดือน อาจมีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากลดลง 20% เมื่อเทียบกับผู้ที่หลั่งน้ำอสุจิ 4-7 ครั้ง/เดือน แต่ก็ยังมีงานศึกษาวิจัยบางชิ้นที่ระบุว่าการหลั่งน้ำอสุจิอาจไม่ได้ทำให้ความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งต่อมลูกหมากเพิ่มขึ้นหรือลดลงแต่อย่างใด จึงอาจยังต้องมีการศึกษาวิจัยเรื่องนี้เพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แน่ชัดขึ้น
4. อาจช่วยคลายเครียดได้
การช่วยตัวเองอาจเพิ่มการไหลเวียนของเลือดทั่วทั้งร่างกายและทำให้ร่างกายหลั่งสารเอนดอร์ฟิน (Endorphin) ที่ได้ชื่อว่าเป็นสารแห่งความสุข ช่วยบรรเทาความเครียด และความเจ็บปวด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย