backup og meta

สุดยอดอาหารสำหรับคุณผู้ชาย หากินก็ง่าย แถมได้สุขภาพด้วย

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 22/07/2020

    สุดยอดอาหารสำหรับคุณผู้ชาย หากินก็ง่าย แถมได้สุขภาพด้วย

    แน่นอนว่าทุกคนมักจะกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดีกันทั้งนั้น แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารบางอย่างถือเป็น สุดยอดอาหารสำหรับคุณผู้ชาย ซึ่งควรจะมีเอาไว้ติดบ้าน เพื่อสุขภาพที่ดีของเหล่าคุณผู้ชาย แต่อาหารอะไรบ้างที่ถือเป็นสุดยอดอาหารสำหรับคุณผู้ชาย วันนี้ทาง Hello คุณหมอ ได้รวบรวมอาหารเหล่านี้มาแนะนำกัน

    สุดยอดอาหารสำหรับคุณผู้ชาย มีอะไรบ้าง

    สุดยอดอาหารสำหรับคุณผู้ชายที่ควรกินทุกวันตลอดสัปดาห์ เพื่อสุขภาพที่ดีนั้น มีดังนี้

    ซอสมะเขือเทศ

    ผู้ชายที่กิน ซอสมะเขือเทศ อาจมีความเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งต่อมลูกหมากลดลง นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ศึกษาพฤติกรรมการกินของผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพชายมากกว่า 47,000 คน พวกเขาพบกว่า ผู้ชายที่กินซอสมะเขือเทศ 2-4 ครั้งต่อสัปดาห์ มีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งต่อลูกมากลดลง 35 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเที่ยวกับผู้ชายที่ไม่ได้กินอะไรเลย เนื่องจากในมะเขือเทศมีแคโรทีนอยด์ที่ เรียกว่า “ไลโคปีน” (Lycopene) อยู่เป็นจำนวนมากนั่นเอง

    เนื้อแดงที่ไม่มีไขมัน

    นักโภชนาการสำหรับทีมฟุตบอลอเมริกัน Pittsburgh Steelers ได้กล่าวว่า การตัดไขมันออกจากเนื้อแดง อย่าง เนื้อวัวหรือเนื้อหมูนั้น จะทำให้ได้รับโปรตีนไปแบบเต็มๆ นอกจากนั้นเนื้อแดงยังเป็นแหล่งที่ดีของ ลิวซีน (Leucine) ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ

    ผักปวยเล้ง (Spinach) 

    Maggie Moon ผู้เขียนหนังสือ The MIND Diet กล่าวว่า รูปแบบการกินอาหารเพื่อสุขภาพคือการกินผักใบเขียวให้ได้มากที่สุดใน 1 สัปดาห์ ซึ่งผักปวยเล้งนั้นยังให้สารตั้งต้นตามธรรมชาติ อย่าง ไนตริกออกไซด์ (Nitric Oxide) ที่ช่วยให้เลือดมีการไหลเวียนดีขึ้น ซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากในการออกกำลังกาย และสุขภาพหัวใจ

    อัลมอนด์

    อัลมอนด์ เป็นแหล่งของแมกนีเซียม ซึ่งมีงานวิจัยเบื้องต้นที่แสดงให้เห็นว่า ผู้ชายที่ขาดแมกนีเซียมอาจมีฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ Keri Gans นักโภชนาการและผู้เขียนหนังสือ The Small Change Diet ได้กล่าวเอาไว้ว่า แมกนีเซียมช่วยบำรุงกล้ามเนื้อ เส้นประสาทปกติ และช่วยให้เซลล์สร้างพลังงาน ทั้งยังสำคัญต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดด้วย

    พริกแดง

    พริกแดงมี ไลโคปีน ที่สามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งต่อมลูกหมากได้เช่นเดียวกับมะเขือเทศ เมื่อเทียบกับพริกสีอื่นๆ พริกแดงมีสารอาหารมากมาย เพราะพวกมันอยู่บนเถานานกว่าพริกพันธุ์สีเขียว สีเหลือง และสีส้ม พวกมันมี เบต้าแคโรทีน (Beta-Carotene) มากกว่า 11 เท่า ซึ่งเบต้าแคโรทีนนี้เป็นสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกายในการผลิตวิตามินเอ ทั้งยังมีวิตามินซีมากกว่าพริกเขียวถึง 1.5 เท่า

    โยเกิร์ต

    โยเกิร์ต เป็นอีกหนึ่งผลิตภัณฑ์จากนมที่ให้โปรตีน และแคลเซียมสูง ทางที่ดีควรเลือกกินโยเกิร์ตรสธรรมชาติและเพิ่มผลไม้ ถั่ว และท็อปปิ้งอื่นๆ เข้าไป แต่ผู้ชายส่วนใหญ่มักคิดว่ามีแต่ผู้หญิงเท่านั้นที่ต้องกังวลเกี่ยวกับสุขภาพของกระดูก ดังนั้น จึงไม่ได้กินแคลเซียมอย่างเพียงพอ จึงทำให้ผู้ชายมีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนได้

    ช็อกโกแลต

    ช็อกโกแลต อาจช่วยให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้นถ้ากินอย่างถูกต้อง ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ในช็อกโกแลตอาจช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีและช่วยควบคุมความดันโลหิต ผู้ชายที่มีการไหลเวียนของเลือดที่ไม่ดี มักจะมีปัญหาเรื่องการแข็งตัว ดังนั้น หากต้องการรักษาเรื่องเพศของคุณเอาไว้ควรกินช็อกโกแลตในปริมาณที่พอดี เพราะถ้ากินมากเกินไปอาจทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้

    หอยนางรม

    หอยนางรมมีแร่ธาตุสังกะสีซึ่งเป็นแร่ธาตุที่สำคัญต่อการทำงานของระบบสืบพันธุ์เพศชาย ในการทดลองครั้งหนึ่งมีผู้ชาย 22 คนที่เข้าร่วมการศึกษา ซึ่งผู้ชายทั้ง 22 คนนี้มีระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) และจำนวนอสุจิต่ำ เมื่อพวกเขาได้รับสังกะสีทุกวันเป็นเวลา 45-50 วัน ระดับฮอร์โมนเพศชายและจำนวนอสุจิเพิ่มขึ้น

    อะโวคาโด

    โรคหัวใจเป็นภัยคุกคามที่สำคัญต่อสุขภาพของผู้ชาย การมีน้ำหนักตัวที่ดีและการกินผักและผลไม้มากขึ้นจะช่วยลดความเสี่ยงของการเป็นโรคหัวใจ อะโวคาโดเป็นผลไม้ที่ดีต่อสุขภาพหัวใจมากกว่า 75 เปอร์เซ็นต์ ไขมันในอะโวคาโดเป็นไขมันไม่อิ่มตัว

    ตามแนวทางการกินอาหารของชาวอเมริกันนั้น การเปลี่ยนไขมันอิ่มตัวด้วยไขมันไม่อิ่มตัวจะเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่ลดลงของโรคหัวใจ นอกจากนั้นไฟเบอร์ในผลไม้สีเขียว ยังมีโพแทสเซียมที่เป็นประโยชน์ต่อหัวใจ ซึ่งช่วยลดผลกระทบของโซเดียมที่มีผลต่อความดันโลหิต

    กระเทียม

    สารต้านอนุมูลอิสระในกระเทียมช่วยรักษาสิว ผมร่วง และโรคหวัด การศึกษาจากวารสารของสถาบันมะเร็งแห่งชาติพบว่า การบริโภคกระเทียมและต้นหอม ช่วยลดความเสี่ยงของผู้ป่วยมะเร็งต่อมมดลูกลงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ กระเทียมไม่เพียงแต่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย นักวิจัยในกรุงปราก (Prague) ยังค้นพบว่า ผู้ชายที่กินกระเทียมมากขึ้นจะพบว่ามีกลิ่นหอมดึงดูดผู้หญิง เนื่องจากกระเทียมสามารถสร้างปฏิกิริยาเคมีเซ็กซี่กับเหงื่อของผู้ชายนั่นเอง

    บร็อคโคลี่

    การศึกษาล่าสุดของฮาร์วาร์ดพบว่า ผักตระกูลกะหล่ำ เช่น บร็อคโคลี่ ช่วยทำให้สุขภาพดี และยังช่วยป้องกันมะเร็งกระเพาะปัสสาวะ ซึ่งเป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบมากที่สุดในประเทศสหรัฐอเมริกาและส่งผลกระทบต่อผู้ชายเป็น 2 เท่าของผู้หญิง

    นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์อาหารของผู้ชายเกือบ 50,000 คนค้นพบว่า คนที่กินอาหาร 5 มื้อหรือมากกว่านั้นต่อสัปดาห์ โดยมีผักตระกูลกะหล่ำเป็นส่วนประกอบ พบว่ากว่าครึ่งหนึ่งมีแนวโน้มจะเป็นมะเร็งกระเพาะปัสสาวะช้ากว่าผู้ที่ไม่ค่อยได้กินบร็อคโคลี่หรือกระหล่ำถึง 10 ปี

    ขิง

    ขิงนั้นมีรสชาติที่เผ็ด ดีต่อสุขภาพและอาจช่วยลดอาการอักเสบในร่างกายได้ การกินขิงเป็นประจำอาจช่วยลดความเจ็บปวดจากการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อได้

    ไวน์แดง

    การดื่มไวน์แดงเพียง 1 แก้วอาจเป็นปะโยชน์ต่อสมอง จากการศึกษาพบว่า ไวน์แดงลดความเสี่ยงในการเกิดโรคอัลไซเมอร์ในผู้สูงอายุเพศชาย

    แตงโม

    แตงโมมีไลโคปีนที่ป้องกันมะเร็งต่อมลูกหมาก ซึ่งเหมาะอย่างมากที่คุณผู้ชายควรจะต้องกิน โดยลองเพิ่มแตงโมลงไปสมูทตี้ แช่เอาไว้ในตู้เย็น ทำน้ำผลไม้ หรือทำให้มันเป็นไอศกรีมก็ได้ แตงโมเป็นแหล่งที่มีโพแทสเซียมมากกว่า 664 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณที่พบได้มากกว่าในกล้วยหรือน้ำส้ม 1 แก้ว

    กล้วย

    กล้วยอุดมด้วย โพแทสเซียม (Potassium) ซึ่งมีความสำคัญต่อการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อและสุขภาพของกระดูก ทั้งยังช่วยลดความดันโลหิต การได้รับโพแทสเซียมมากพออาจสำคัญเท่ากับการกินโซเดียมน้อยลง

    เบอร์รี่

    เบอร์รี่สามรถช่วยทั้งในเรื่องร่างกายและจิตใจ มันเต็มไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง จากการศึกษาในสัตว์พบว่า บลูเบอร์รี่ยังสามารถเพิ่มหน่วยความจำและความคิด ซึ่งก็มีงานวิจัยที่คล้ายกันซึ่งศึกษาในคนที่กำลังอยู่ในช่วงวัยเด็ก

    อย่างไรก็ตาม ในการรับประทานอาหารข้างต้น คุณควรรับประทานในปริมาณพอเหมาะ ด้วยการยึดหลักการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ นอกจากนี้ควรนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ และหมั่นออกกำลังกายอยู่เสมอเพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงอย่างยั่งยืน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 22/07/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา