backup og meta

เบกกิ้งโซดา เหมาะแก่การดูแลผิวจริงหรือ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย เนตรนภา ปะวะคัง


เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 05/04/2022

    เบกกิ้งโซดา เหมาะแก่การดูแลผิวจริงหรือ

    เบกกิ้งโซดา (Baking soda) หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) นิยมใช้ในการประกอบอาหาร แต่หลายคนเชื่อว่า เบกกิ้งโซดาสามารถใช้เพื่อการดูแลผิวได้ เช่น ใช้เบกกิ้งโซดาขัดผิวกาย อย่างไรก็ตาม หากใช้ผิววิธี อาจส่งผลเสียต่อผิวได้ จึงควรศึกษาวิธีดูแลผิวด้วยเบกกิ้งโซดาให้เข้าใจก่อนตัดสินใจใช้เบกกิ้งโซดาในการดูแลผิวหน้าหรือผิวกาย

    เบกกิ้งโซดา คืออะไร

    เบกกิ้งโซดา (Baking soda) หรือโซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate) มีลักษณะเป็นผลึกสีขาว ละลายน้ำได้ดี เบกกิ้งโซดาเป็นสารอัลคาไลน์ที่มีประโยชน์ในการควบคุมค่า pH เนื่องจากเบกกิ้งโซดามีค่า pH เท่ากับ 9 จึงมีคุณสมบัติต้านสารที่เป็นกรดทั้งในและนอกร่างกาย เบกกิ้งโซดามีคุณสมบัติในการลดปริมาณกรดในกระเพาะอาหาร จึงมีการนำเบกกิ้งโซดามาใช้เพื่อลดอาการท้องอืดและอาหารไม่ย่อย

    ในอุตสาหกรรมอาหารเรียกเบกกิ้งโซดาว่า โซดาทำขนม โดยจะใส่ในของหวานที่มีส่วนผสมค่อนข้างเป็นกรด เช่น เค้กผลไม้รสเปรี้ยว เค้กกล้วยหอม แต่จะใส่เบกกิ้งโซดาในปริมาณน้อยเนื่องจากจะทำให้เสียรสชาติ

    เบกกิ้งโซดายังมีคุณสมบัติต้านการอักเสบ และฆ่าเชื้อโรค จึงเป็นส่วนผสมของครีมในท้องตลาดที่ใช้ทาสำหรับผิวที่ระคายเคือง แมลงกัดต่อย และผื่นที่ไม่รุนแรง

    เบกกิ้งโซดา เหมาะแก่การดูแลผิวหรือไม่

    มีงานวิจัยไม่มากนักที่เกี่ยวกับผลลัพธ์ของการใช้เบกกิ้งโซดาในการดูแลผิวโดยเฉพาะ ดังนั้น เบกกิ้งโซดาจึงอาจเป็นอันตรายมากกว่าที่จะส่งผลดีต่อผิว ผลข้างเคียงบางอย่างของการใช้เบกกิ้งโซดาดูแลผิว หรือใช้กับผิวหน้า ได้แก่

    เนื่องจากเบกกิ้งโซดาจะรบกวนค่า pH หรือค่าความเป็นกรด-ด่างของผิว โดยค่า pH มีตั้งแต่ 0-14

    • ค่า pH มากกว่า 7 คืออัลคาไลน์ (alkaline)
    • ค่า pH น้อยกว่า 7 ถือเป็นกรด (acidic) ค่า pH เท่ากับ 7.0 เป็นกลาง

    ผิวสุขภาพดีจะมีค่า pH อยู่ระหว่าง 4.5-5.5 ซึ่งจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นของผิวเนื่องจากไขมันชนิดดี และป้องกันอวัยวะจากแบคทีเรียและมลภาวะ การรบกวนค่า pH บนผิวจึงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียงต่อผิว ซึ่งเบกกิ้งโซดามีค่า pH เท่ากับ 9 การใช้สารอัลคาไลน์อย่างเบกกิ้งโซดากับผิวอาจดึงน้ำมันธรรมชาติทั้งหมดออก และปล่อยให้ผิวไม่ได้รับการป้องกันจากเชื้อแบคทีเรีย การใช้เบกกิ้งโซดาจึงอาจเป็นอันตรายต่อผิว

    เบกกิ้งโซดา เป็นสารอัลคาไลน์ที่ส่งผลต่อความสมดุลของค่า pH บนผิว และปล่อยให้ผิวไม่ได้รับการปกป้อง มีความเชื่อที่ว่าเบกกิ้งโซดาช่วยลดสิวได้ แต่แพทย์ผิวหนังไม่แนะนำใช้รักษาสิวด้วยการใช้เบกกิ้งโซดา และควรใช้การรักษาสิวทางการแพทย์ หรือใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีจำหน่ายในร้านขายยา แต่หากตัดสินใจที่จะใช้เบกกิ้งโซดา ควรใช้ในปริมาณที่จำกัด และใช้มอยส์เจอไรเซอร์ตามทันทีเพื่อป้องกันผิวแห้ง นอกจากนี้ หากเกิดผลข้างเคียงหลังจากการใช้เบกกิ้งโซดาในการดูแลผิว เช่น มีอาการเจ็บผิว หรือมีผื่นขึ้น ควรเข้าพบคุณหมอทันที

    เบกกิ้งโซดากับการดูแลผิว

    ผู้ที่มีผิวแห้ง เป็นสิว หรือผิวแพ้ง่ายควรหลีกเลี่ยงการใช้เบกกิ้งโซดา นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญไม่แนะนำให้ใช้เบกกิ้งโซดากับผิว เนื่องจากเบกกิ้งโซดาอาจระคายเคืองผิว และกำจัดน้ำมันชนิดสำคัญที่ปกป้องผิว ดังนั้น หากใช้เบกกิ้งโซดาในการดูแลผิว ในแต่ละครั้ง ควรใช้ในปริมาณน้อยและไม่ควรใช้ทุกวัน โดยมีผู้ที่ใช้เบกกิ้งโซดาเพื่อดูแลผิวหลายวิธี ดังนี้

    • มาส์กหน้า

    การใช้เบกกิ้งโซดามาส์กหน้า จะช่วยกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วหรือช่วยบรรเทาอาการอักเสบ วิธีการคือ หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้าแล้ว ให้ผสมเบกกิ้งโซดา 1-2 ช้อนชาในน้ำอุ่น จนกระทั่งเบกกิ้งโซดากลายเป็นเนื้อแป้งนุ่ม จากนั้นนำมานวดให้ทั่วใบหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตา ทิ้งไว้ไม่เกิน 10-15 นาที แล้วจึงล้างทำความสะอาดด้วยน้ำสะอาด ซับหน้าให้แห้ง แล้วทามอยส์เจอไรเซอร์ทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง ห้ามใช้เบกกิ้งโซดามาส์กหน้าเกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์

    • ผลัดเซลล์ผิว

    การใช้เบกกิ้งโซดาเพื่อผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ให้ทำเหมือนกับการมาส์กหน้า คือ ผสมเบกกิ้งโซดา 1-2 ช้อนชากับน้ำอุ่น แต่เมื่อนำมาถูวนจนทั่วใบหน้าแล้วให้ล้างออกทันที นอกจากนี้ ยังสามารถเพิ่มเบกกิ้งโซดาลงไปในผลิตภัณฑ์ขัดผิวหน้า (Facial scrub) เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความสะอาดรูขุมขน และกำจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ข้อควรระวังคือ ควรทามอยส์เจอไรเซอร์ทันทีเพื่อป้องกันไม่ให้ผิวแห้ง และไม่ควรใช้เบกกิ้งโซดาในการขัดผิวหน้าเกิน 2 ครั้งต่อสัปดาห์

    • ทำความสะอาดผิวหน้า

    สำหรับการใช้เบกกิ้งโซดาในการล้างหน้า ให้เพิ่มเบกกิ้งโซดาปริมาณไม่เกิน 2 ช้อนชาในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวหน้า จากนั้นทำความสะอาดหน้าและล้างออกด้วยน้ำอุ่น เบกกิ้งโซดาทำให้ผิวแห้งได้ จึงควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ทันทีเพื่อป้องกันผิวแห้งตึง

    ข้อควรระวังในการใช้เบกกิ้งโซดากับผิว

    ไม่ควรใช้เบกกิ้งโซดาในปริมาณเกิน 1-2 ช้อนชา และไม่ควรใช้ในการดูแลผิวเกินสัปดาห์ละ 2 ครั้ง และหลังจาก ใช้เบกกิ้งโซดากับผิวหน้าแล้ว ควรทามอยส์เจอไรเซอร์ลงบนผิวหน้าทันที

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    เนตรนภา ปะวะคัง


    เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 05/04/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา