backup og meta

เป็นอีสุกอีใส ควรกินและควรหลีกเลี่ยงอาหารอะไรบ้าง

อีสุกอีใส แค่ได้ยินชื่อก็อาจทำให้หลายคนผวา เพราะเป็นโรคผิวหนังส่งผลให้เกิดตุ่มน้ำใส ๆ ไปทั่วทั้งรู้ หลายคนจึงพยายามหาวิธีการดูแลผิวเพื่อป้องกันรอยแผลจากโรคนี้ แต่รู้ไหมว่า “อาหาร” ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามเลยเช่นกัน เพราะการเลือกกินอาหารอย่างเหมาะสม รวมถึงการหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด ก็ช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น และลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นได้อย่างมาก แล้วอาหารอะไรบ้างที่ควรเลี่ยง เมื่อเป็นอีสุกอีใส มาค้นหาคำตอบกันในบทความนี้

เป็นอีสุกอีใส ควรกินและควรหลีกเลี่ยงอาหารอะไรบ้าง

[embed-health-tool-bmi]

อาหารเมื่อป่วย เป็นอีสุกอีใส

อีสุกอีใสคือโรคที่ทำให้เกิดตุ่มน้ำใสในบริเวณต่าง ๆ ทั่วร่างกาย ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพผิว และอาจทำให้มีรอยแผลเป็นทิ้งไว้ได้ การเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีสารอาหารที่ร่างกายต้องการ และครบถ้วน 5 หมู่ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยฟื้นฟูสุขภาพร่างกายแข็งแรง และฟื้นตัวจากโรคได้ดี 

นอกจากนี้ ยังควรเน้นการรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพผิว ดังนี้

วิตามิน A

วิตามินเอมีส่วนช่วยในการซ่อมแซมและผลัดเซลล์ผิวหนังเก่าให้หลุดลอกอย่างเป็นธรรมชาติ ส่งผลให้ผิวดูเรียบเนียน ไม่หยาบกร้าน ทั้งยังจำเป็นต่อการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน กระจ่างใส

ตัวอย่างแหล่งอาหาร

  • อาหารจากสัตว์: ตับวัว ตับไก่ น้ำมันตับปลา ไข่แดง เนย นม ชีส 
  • อาหารจากพืช: มันเทศ ฟักทอง แครอท ผักโขม ผักใบเขียวเข้ม

ปริมาณที่แนะนำและข้อควรระวัง

  • ผู้ใหญ่ควรได้รับประมาณ 700–900 ไมโครกรัม/วัน
  • ไม่ควรรับเกิน 1.5 มก./วัน ต่อเนื่องนาน ๆ เพราะวิตามิน A สะสมในร่างกาย อาจก่อให้เกิดอาการพิษ เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ผิวเหลือง

วิตามิน C

วิตามิน C เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยและปกป้องผิวจากมลภาวะและรังสี UV ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน เพิ่มความยืดหยุ่นของผิว และช่วยลดจุดด่างดำ และรอยแผลเป็น

ตัวอย่างแหล่งอาหาร

  • ส้ม มะนาว ฝรั่ง สตรอว์เบอร์รี่ บร็อกโคลี กีวี พริกหวาน มะเขือเทศ

ปริมาณที่แนะนำและข้อควรระวัง

  • สำหรับผู้ใหญ่ 40 มก./วัน
  • การขาดวิตามินซี C อาจทำให้ผิวแห้ง ขาดความยืดหยุ่น แผลหายช้า เหงือกอักเสบง่าย
  • ร่างกายสามารถขับวิตามินซีส่วนเกินออกทางปัสสาวะได้

วิตามิน E

วิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากแสงแดด ลดการอักเสบ รักษาความชุ่มชื้นของผิว ลดความแห้งกร้านและริ้วรอย

ตัวอย่างแหล่งอาหาร

  • น้ำมันพืช (น้ำมันดอกทานตะวัน, น้ำมันรำข้าว) ถั่วอัลมอนด์ เฮเซลนัท เมล็ดทานตะวัน อะโวคาโด ผักโขม

ปริมาณที่แนะนำและข้อควรระวัง

  • ปริมาณที่ควรได้รับ 8–15 มก./วัน ขึ้นอยู่กับอายุและเพศ
  • หากรับประทานมากเกินไปอาจส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด

วิตามิน K

วิตามินเคมีส่วนช่วยสมานแผล ลดรอยคล้ำใต้ตา รอยช้ำหรือจ้ำเลือด นอกจากนี้ ยังอาจมีส่วนช่วยให้เลือดแข็งตัวเมื่อเกิดบาดแผล และช่วยป้องกันการตกเลือด

ตัวอย่างแหล่งอาหาร

  • ผักใบเขียว เช่น คะน้า ผักโขม บร็อกโคลี ผักกาดหอม น้ำมันถั่วเหลือง ถั่วเหลือง อะโวคาโด กีวี

ปริมาณที่แนะนำและข้อควรระวัง

  • เพศชาย 120 ไมโครกรัม/วัน
  • เพศหญิง 90 ไมโครกรัม/วัน
  • ผู้ที่กำลังใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือด ควรระมัดระวังการบริโภคอาหารที่มีวิตามินเคสูง

การดูแลผิวจากภายในด้วยโภชนาการที่ดี ควบคู่ไปกับการดูแลผิวจากภายนอก จะช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและแข็งแรงในระยะยาว

ผู้ป่วยอีสุกอีใส กับอาหารที่ระคายเคืองแผลในปาก

โดยปกติแล้ว ผู้ที่ป่วยเป็นโรคอีสุกอีใส สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ ไม่มีข้อจำกัดอะไรเป็นพิเศษ อย่างไรก็ตาม อาหารบางชนิดอาจทำให้เกิดอาการระคายเคืองที่แผลภายในปากได้ ดังนี้

อาหารที่มีรสเค็ม หรือเติมเกลือในปริมาณมาก อาจทำให้คุณเกิดอาการระคายเคืองในช่องปาก จนทำให้อาการเจ็บปวดในช่องปาก ซึ่งเป็นอาการที่พบได้บ่อยในคนเป็น อีสุกอีใส ยิ่งแย่ลง นอกจากนี้ อาหารเค็มจัด ก็ยังเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ จนอาการของอีสุกอีใสกำเริบได้ด้วย

อาหารมัน หรืออาหารที่มีไขมันอิ่มตัวสูง เช่น เฟรนช์ฟราย ไก่ทอด ลูกชิ้นทอด เบอร์เกอร์ ทำให้เกิดการอักเสบในร่างกาย โดยเฉพาะบริเวณอวัยวะที่เกิดจากระคายเคืองจาก อีสุกอีใส และส่งผลให้โรคอีสุกอีใสหายช้ากว่าปกติ นอกจากนี้ อาหารมัน หรืออาหารทอดส่วนใหญ่ ก็มักเติมเกลือ หรือมีรสเค็ม ซึ่งส่งผลเสียต่อการฟื้นตัวจากโรคอีสุกอีใสมากกว่าส่งผลดี

  • อาหารรสเผ็ด

การกินอาหารรสเผ็ด แม้แต่ตอนที่สภาพร่างกายแข็งแรงดี ก็อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนภายในปาก ทำให้ปวดท้อง หรือแม้แต่เกิดอาการเจ็บปวดและระคายเคืองขณะขับถ่ายได้ ยิ่งเมื่อมีอาการเจ็บปากเพราะ อีสุกอีใส หากกินอาหารรสเผ็ดเข้าไปอีก ก็จะยิ่งทำให้ช่องปากระคายเคือง จนอาการแย่ลงได้

จะเห็นได้ว่า อาหารที่ดีต่อการดูแลร่างกาย และมีคุณค่าทางอาหาร จะช่วยให้ร่างกายแข็งแรงและฟื้นฟูร่างกายหลังจากหายจากโรคได้เร็วขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการกินอาหารที่ไม่มีประโยชน์ เค็มจัด เผ็ดจัด และอาหารทอด เพื่อช่วยให้ร่างกายลดการอักเสบและฟื้นตัวจากโรคได้ดีขึ้นด้วย

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Chicken Pox – Symptoms, Risks and 13 Foods For Recovery. https://www.bellybelly.com.au/child/chicken-pox-what-you-need-to-know-about-chicken-pox/. Accessed July 18, 2023.

Have Chicken Pox? Foods to Eat and Avoid. https://www.thedailymeal.com/entertain/have-chicken-pox-foods-eat-and-avoid-slideshow/slide-5. Accessed July 18, 2023.

THE CHICKEN POX DIET. https://www.eatdrinklivewell.com/the-chicken-pox-diet-2/. Accessed July 18, 2023.

4 Types of Food to Avoid When You Get Chicken Pox. https://www.livestrong.com/article/505217-foods-to-avoid-for-chicken-pox/. Accessed July 18, 2023.

Treating Chickenpox At Home: Amazing Home Remedies That Can Help You Deal With Chickenpox Easily. https://www.ndtv.com/health/treating-chickenpox-at-home-amazing-home-remedies-that-can-help-you-deal-with-chickenpox-easily-1950253. Accessed July 18, 2023.

เวอร์ชันปัจจุบัน

03/10/2025

เขียนโดย ทีม Hello คุณหมอ

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย ได้รับการตรวจโดยแพทย์เวชปฏิบัติ

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

วัคซีนป้องกันงูสวัด เหมาะสำหรับใคร ฉีดแล้วเกิดผลข้างเคียงอะไรบ้าง

อีสุกอีใสในเด็ก อาการ สาเหตุและการรักษา


ตรวจสอบข้อมูลโดย ได้รับการตรวจโดยแพทย์เวชปฏิบัติ · แพทย์เวชปฏิบัติทั่วไป · Hello คุณหมอ · เขียน โดย ทีม Hello คุณหมอ · แก้ไข 03/10/2025

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา