การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอ เช่น แครอท แตงโม ฟักทอง มันเทศ มะม่วง มะเขือเทศ มะละกอ สาหร่าย ยีสต์ เคย กุ้ง กั้ง ตับ นม ไข่แดง ชีส ปลาที่มีไขมันอย่างปลาแซลมอน ทูน่า ปลาแมคเคอเรล อาจมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยส่งเสริมความแข็งแรงของผิว โดยการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและต้านการทำลายคอลลาเจนในผิว ส่งผลทำให้ผิวเต่งตึงมากขึ้น ลดการเกิดริ้วรอย อาจช่วยลดการอักเสบและอาจช่วยให้แผลสมานตัวได้ดีขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดดที่อาจเป็นสาเหตุของปัญหาริ้วรอยและผิวหมองคล้ำ
โดยมีงานวิจัยชิ้นหนึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Dermato-Endocrinology เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2555 ศึกษาเกี่ยวกับความเชื่อมโยงระหว่างโภชนาการกับความชราของผิว พบว่า การรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินเอที่มีสารประกอบเป็นแคโรทีนอยด์ (Carotenoid) หลายชนิด เช่น เบต้าแคโรทีน (β-Carotene) แอสตาแซนทิน (Astaxanthin) ไลโคปีน (Lycopene) เรตินอล (Retinol) ซึ่งมีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูงในการช่วยป้องกันผิวจากการทำร้ายของแสงแดด โดยไลโคปีนและเบต้าแคโรทีนที่พบในแหล่งอาหาร เช่น แครอท แตงโม ฟักทอง มันเทศ มะม่วง มะเขือเทศ มะละกอ อาจมีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและอาจช่วยลดการเกิดผื่นแดงบนผิวหนังที่เกิดจากรังสียูวี
สารประกอบอย่างแอสตาแซนทินที่พบได้ในแหล่งอาหาร เช่น สาหร่าย ยีสต์ ปลาแซลมอน เคย กุ้ง กั้ง อาจมีคุณสมบัติช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดและลดโอกาสการเกิดโรคผิวหนัง ปัญหาผิวหย่อนคล้อย และริ้วรอย
สารประกอบอย่างเรตินอลที่พบในแหล่งอาหาร เช่น ตับ นม ไข่แดง ชีส ปลาที่มีไขมันอย่างปลาทูน่า ปลาแมคเคอเรล อาจมีคุณสมบัติช่วยบำรุงและรักษาเนื้อเยื่อผิวให้แข็งแรง กระตุ้นการสร้างคอลาเจนซึ่งเป็นโครงสร้างผิวที่ช่วยต้านความหย่อนคล้อย และปรับปรุงการสร้างเม็ดสี ทำให้ผิวแลดูสม่ำเสมอมากขึ้น
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย