ไข้เลือดออกเป็นโรคที่พบได้บ่อย แต่มักจะชุกชุมในช่วงที่ฝนตกหรือเข้าสู่ฤดูฝน โดยมียุงลายเป็นพานะนำโรค ซึ่งผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กและเด็กเล็ก จึงควรระมัดระวังสุขภาพของลูกหลาน และดูแลสภาพแวดล้อมโดยรอบตัวบ้านให้ดี ไข้เลือดออก อาการ ที่พบบ่อยคือ ไข้สูงเฉียบพลัน ร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น ปวดหัว หน้าแดง เบื่ออาหาร อาเจียน รวมถึงมีจุดสีแดงเล็ก ๆ ขึ้นตามผิว เนื่องจากเส้นเลือดเปราะแตกนั่นเอง
[embed-health-tool-bmr]
สาเหตุของโรคไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออกเกิดจากเชื้อไวรัส มี 4 ชนิด แต่หากมีการติดเชื้อชนิดใดแล้ว จะส่งผลให้ร่างกายของผู้ติดเชื้อมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อชนิดนั้นไปตลอด ส่วนภูมิคุ้มกันต่อไวรัสเดงกี่อีก 3 ชนิด จะเกิดขึ้นเพียงช่วงเวลาสั้น ๆ 6-12 เดือน ทำให้ผู้ที่เคยเป็นโรคไข้เลือดออกครั้งหนึ่งแล้ว สามารถเป็นโรคไข้เลือดออกได้อีก เพียงแต่ติดเชื้อไวรัสเดงกี่ชนิดอื่นที่ต่างจากชนิดแรก เรียกว่า การติดเชื้อซ้ำ
ไข้เลือดออก อาการ เป็นอย่างไร
อาการของโรคไข้เลือดออก หลังจากโดนยุงกัดแล้วจะผ่านระยะฟักตัวประมาณ 5-8 วัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการ ดังนี้
- เกิดไข้สูงเฉียบพลัน อุณหภูมิร่างกายจะอยู่ที่ประมาณ 38.5 – 40 องศาเซลเซียส อาการไข้สูงจะเกิดขึ้นประมาณ 2-7 วัน ร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น หน้าแดง ปวดกระบอกตา เบื่ออาหาร อาเจียน ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกส่วนใหญ่จะไม่มีน้ำมูก ไม่มีอาการไอ
- ลักษณะสำคัญของอาการโรคไข้เลือดออก คือ มีอาการเลือดออก เส้นเลือดเปราะ แตกง่าย มีจุดเลือดออกเล็ก ๆ ตามร่างกาย เช่น แขน ขา ลำตัว รักแร้ มีเลือดกำเดาออก พบเลือดออกตามไรฟัน ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาเจียนและอุจจาระเป็นสีดำได้
- พบอาการปวดท้อง ในผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกจะคลำพบตับโตได้ นับเป็นวันที่ 3-4 ตั้งแต่เริ่มป่วย
- อาการที่ต้องระวังของโรคไข้เลือดออก อาจพบภาวะช็อค โดยพบผู้ป่วยอาการรุนแรงได้ประมาณ 1 ใน 3 อาการช็อคเกิดจากมีการรั่วของเลือด ออกไปยังช่องปอดและช่องท้อง เกิดขึ้นได้พร้อมกับอาการไข้ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาการดังกล่าวจะเกิดได้ตั้งแต่วันที่ 3 ของโรค
อาการช็อคของโรคไข้เลือดออก
- กระสับกระส่าย
- มือเท้าเย็น
- ชีพจรเบาและเร็ว
- มีความดันโลหิตผิดปกติ
- กระหายน้ำ
- อาจมีอาการปวดท้องกะทันหันก่อนเข้าสู่ภาวะช็อก
ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกที่มีอาการรุนแรง เข้าสู่ภาวะช็อค ส่วนใหญ่แล้วจะรู้สติ ยังพูดรู้เรื่อง แต่หากรักษาไม่ทันเวลา จะมีอาการปากเขียว ผิวสีม่วง ๆ ตัวเย็นชืด จับชีพจรและวัดความดันไม่ได้ กลายเป็นว่า ความรู้สติเปลี่ยนไป ในผู้ป่วยรายที่ไม่รุนแรงให้การรักษาในช่วงระยะสั้น ๆ อาการจะดีขึ้นอย่างรวดเร็ว
หากพบความเสี่ยงของการเป็นโรคไข้เลือดออก โดยมีอาการไข้สูง 2 วันแล้วไม่ดีขึ้น อ่อนเพลีย ซึมลง และมีปัสสาวะสีเข้ม ให้รีบนําผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด เพราะผู้ป่วยที่เกิดภาวะช็อคหรืออยู่ในระยะวิกฤต จะเกิดในช่วงที่ไข้เริ่มลดลงหรือไข้ต่ำกว่าเดิม
การรักษาโรคไข้เลือดออก
โรคไข้เลือดออกไม่มีการรักษาที่เฉพาะ และยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้เลือดออก แพทย์อาจพิจารณารักษาตามอาการ แบบประคับประคอง โดยใช้ยาลดไข้ ประกอบกับการให้ผู้ป่วยดื่มน้ำให้เพียงพอ และพักผ่อนมาก ๆ
เมื่อแพทย์ให้ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกกลับมาพักฟื้นที่บ้าน ผู้ที่ดูแลผู้ป่วยสามารถเช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำธรรมดา ให้ผู้ป่วยรับประทานอาหารอ่อน ๆ ดื่มน้ำผลไม้หรือน้ำเกลือแร่บ่อย ๆ และกินยาตามแพทย์สั่ง