backup og meta

โลชั่นทาผิว เลือกอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา · โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 24/06/2022

    โลชั่นทาผิว เลือกอย่างไรให้เหมาะกับสภาพผิว

    แต่ละคนมีปัญหาผิวที่แตกต่างกัน การใช้ โลชั่นทาผิว ที่เหมาะกับสภาพผิวเป็นประจำทุกวัน จึงเป็นเรื่องสำคัญ ทั้งนี้ การศึกษาวิธีเลือกและวิธีใช้โลชั่นทาผิวให้เหมาะกับผิวที่สุดอาจช่วยให้แก้ปัญหาผิวได้อย่างตรงจุด ปลอดภัย และไม่เสี่ยงเกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ ตามมาได้

    ส่วนผสมที่ควรมองหาใน โลชั่นทาผิว

    ส่วนผสมที่อาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น บำรุงสุขภาพผิวให้แข็งแรง และลดปัญหาผิวได้ อาจมีดังนี้

    กรดอัลฟาไฮดรอกซี หรือเอเอชเอ (Alpha-hydroxy acids หรือ AHAs) มีสารประกอบกรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) กรดแล็กทิก (Lactic acid) กรดทาร์ทาริก (Tartaric acid) และกรดซิตริก (Citric acid) ที่อาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ช่วยกระชับรูขุมขน และช่วยให้ริ้วรอยดูจางลงได้ ทั้งนี้ ควรใช้โลชั่นทาผิวที่มีเอเอชเอความเข้มข้นไม่เกิน 15% โดยอาจเริ่มทาทุก 2-3 วัน เพื่อดูว่ามีอาการแพ้หรือไม่ หากไม่พบอาการแพ้ใด ๆ จึงค่อยปรับไปใช้โลชั่นทาผิวที่มีเอเอชเอทุกวัน

    กรดโพลีไฮดรอกซี (Polyhydroxy acids หรือ PHAs) มีคุณสมบัติที่คล้ายกรดอัลฟาไฮดรอกซีหรือเอเอชเอ (Alpha-hydroxy acids) อาจช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว และกระตุ้นการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ลดอาการแสบหรือระคายผิว เหมาะกับผู้มีผิวบอบบาง

    กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) หรือบีเอชเอ (Beta Hydroxy Acid หรือ BHA) มีคุณสมบัติคล้ายกรดอัลฟาไฮดรอกซีหรือเอเอชเอ แต่อาจระคายเคืองผิวน้อยกว่า และอาจช่วยปรับสีผิวที่โดนแดดให้สม่ำเสมอขึ้น ช่วยบรรเทาปัญหาสิว และช่วยผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว

    เรตินอยด์ (Retinoid) มีสารประกอบเรตินอล (Retinol) และเรตินิลเอสเทอร์ (Retinyl ester) ที่เป็นอนุพันธ์จากวิตามินเอ ซึ่งอาจช่วยลดและป้องกันริ้วรอย ช่วยปรับสีผิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ผิว ช่วยกระตุ้นการผลัดเซลล์ผิวเก่า ช่วยสร้างคอลลาเจน รวมถึงอาจช่วยลดสิว แต่อาจทำให้ผิวระคายเคืองหรือทำให้ผิวแห้งได้

    กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid หรือ HA) เป็นสารตามธรรมชาติที่อยู่ในร่างกายของมนุษย์ พบมากในช่วงที่อายุยังน้อย แต่จะมีจำนวนลดลงเมื่ออายุมากขึ้น จึงส่งผลให้ผิวเสียความชุ่มชื้นไปตามวัย หากใช้โลชั่นที่มีสารชนิดนี้ อาจช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยไม่ให้ผิวเสียสมดุล และอาจช่วยลดเลือนริ้วรอยได้

    เซราไมด์ (Ceramide) เป็นสารลิพิดหรือไขมันชนิดหนึ่งที่พบได้ในผิวตามธรรมชาติ สารนี้จะมีปริมาณลดลงตามวัย เมื่อผิวมีปริมาณเซราไมด์ (Ceramide) น้อย อาจทำให้ผิวแห้งและระคายเคืองได้ง่าย การทาโลชั่นทาผิวที่มีเซราไมด์อาจช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว ช่วยเสริมเกราะป้องกันผิวจากมลภาวะภายนอก และฟื้นฟูผิวให้ดีขึ้นได้

    กรดไขมันจำเป็น (Essential fatty acid) ได้แก่ กรดลิโนเลนิก (linolenic acid) และกรดลิโนเลอิก (linoleic acid) เป็นกรดไขมันที่ร่างกายมนุษย์สร้างเองไม่ได้ จำเป็นต้องรับจากแหล่งอื่น เช่น น้ำมันมะกอก อะโวคาโด น้ำมันอัลมอนด์ เชียบัตเตอร์ อาจช่วยให้ผิวสุขภาพดี ดูกระจ่างใสขึ้น และช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว

    มอยส์เจอร์ไรเซอร์แบบเคลือบผิว (Occlusive) เป็นสารที่มีลักษณะเป็นแผ่นฟิล์มคลุมผิวหนัง ซึ่งอาจช่วยป้องกันไม่ให้น้ำซึมออกจากผิว เช่น ปิโตรเลียม (Petrolatum) ลาโนลิน (Lanolin) เลซิติน (Lecithin) พาราฟิน (Paraffin) กรดสเตียริก (Stearic acid)

    วิธีเลือกโลชั่นให้เหมาะกับสภาพผิว

    • ผิวแห้ง ควรเน้นโลชั่นทาผิวที่มีส่วนผสมที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิว เช่น กรดไฮยาลูโรนิค (Hyaluronic acid) และไดเมทิโคน (Dimethicone) ที่ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กลีเซอรีน (Glycerin) โพรพิลีนไกลคอล (Propylene Glycol) โปรตีน (Proteins) และยูเรีย (Urea) ที่อาจช่วยเติมน้ำให้ผิว โดยควรใช้โลชั่นทาผิวแห้งบ่อย ๆ ระหว่างวัน โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศแห้ง
    • ผิวมันหรือเป็นสิว เลือกโลชั่นทาผิวที่มีส่วนผสมของกรดอัลฟาไฮดรอกซี หรือโลชั่นทาผิวที่ฉลากระบุว่าไม่มีส่วนผสมที่ทำให้รูขุมขนอุดตันจนเกิดสิว (Non-comedogenic) ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดสิวหรือทำให้ปัญหาสิวแย่ลง
    • ผิวบอบบาง แพ้ง่าย ควรเลี่ยงการใช้โลชั่นทาผิวที่มีสารต่าง ๆ เยอะเกินไป อาจเลือกโลชั่นที่มีส่วนประกอบน้อยกว่า 10 ชนิด ปราศจากสารก่อภูมิแพ้และน้ำหอม เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาผิวระคายเคือง

    ทุกสภาพผิวควรเลือกโลชั่นทาผิวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น คาโมมายล์ ทับทิม ชาเขียว ที่อาจช่วยให้ป้องกันไม่ให้อนุมูลอิสระมาทำร้ายชั้นผิว อย่างไรก็ตาม หากต้องการใช้โลชั่นทาผิวที่มีสารต้านอนุมูลอิสระกับผิวหน้า อาจทดสอบอาการแพ้ก่อน เพราะอาจก่อให้เกิดสิวได้ในบางคน

    นอกจากนี้ ควรเลือกโลชั่นทาผิว และครีมกันแดดซึ่งมีค่า SPF 30 ขึ้นไป หากใช้กับผิวหน้าควรเลือกที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอมและน้ำมัน เพื่อให้ครีมกันแดดทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด ควรทาครีมกันแดดก่อนออกแดด 15 นาที และควรทาซ้ำทุก ๆ 2 ชั่วโมง

    ข้อแนะนำในการใช้ โลชั่นทาผิว

    • เลือกโลชั่นทาผิวที่เหมาะกับสภาพผิวที่สุด เช่น ผู้ที่มีผิวบอบบาง ควรมองหาฉลากที่ระบุว่า สำหรับผิวแพ้ง่าย (Hypoallergenic) ผู้ที่มีผิวมันไม่ควรใช้โลชั่นทาผิวที่ผสมน้ำมันธรรมชาติที่อาจเพิ่มความมันบนผิว หรือหากมีผิวผสม อาจเลือกใช้โลชั่นทาผิวที่เนื้อเบาบางในส่วนที่ผิวมัน และใช้โลชั่นทาผิวที่มีเนื้อหนักกว่าในบริเวณที่ผิวแห้งหรือขาดน้ำ
    • สำหรับผู้ที่มีอาการแพ้หรืออาการคัน ควรลดหรือเลี่ยงการซื้อโลชั่นทาผิวที่มีส่วนผสมของสเตียรอยด์ (Steroid) มาใช้เอง โดยเฉพาะการใช้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน แต่ควรไปพบคุณหมอเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง เพราะการใช้ยาเองอาจทำให้ผิวบาง และก่อให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ ตามมา เช่น ผิวแตกลาย สิวจากสเตียรอยด์ ผิวช้ำเลือดง่าย
    • เลือกใช้โลชั่นทาผิวให้เหมาะสมกับผิวหนังแต่ละส่วน เช่น โลชั่นทาผิวหน้า อาจเลือกที่ไม่มีส่วนผสมที่ก่อให้เกิดสิวหรือเกิดการอุดตัน (Non-comedogenic) โลชั่นทาผิวกาย อาจเลือกที่เนื้อครีมหนักกว่าได้ เพราะอาจช่วยให้ผิวชุ่มชื้นได้นานขึ้น
    • ใช้โลชั่นทาผิวในขณะที่ผิวเปียกหมาด ๆ เช่น หลังอาบน้ำ เพื่อให้เนื้อโลชั่นซึมเข้าผิวได้ดีขึ้น
    • ในหน้าร้อน อาจเลือกใช้โลชั่นทาผิวที่มีเนื้อเบาบาง ไม่เหนียวเหนอะหนะ เช่น เนื้อเจล ส่วนในฤดูหนาวที่มีอากาศแห้ง อาจใช้โลชั่นทาผิวเนื้อครีม เพื่อให้ผิวชุ่มชื้นได้ยาวนานขึ้น
    • ผู้มีปัญหาผิวแห้ง ผิวบอบบาง ควรเลี่ยงการใช้โลชั่นทาผิวที่ใส่สี สารต้านแบคทีเรีย หรือน้ำหอม เพราะอาจทำให้ผิวระคายเคืองได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงเกศอร ป้องอาณา

    โรคผิวหนัง · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 24/06/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา